Review : HERA UV Mist Cushion SPF 50+/PA+++ เบอร์ N23 หน้าเนียนชุ่มชื้นทั้งวัน

June 18, 2014

 

ช่วงนี้ถึงแม้กระแสการขู่จากเกาหลีเหนือ กับทางเกาหลีใต้นั้น
 
ก็คงทำอะไรคนไทยเราไม่ได้จริงๆ คนก็ยังไปเที่ยวกันเยอะเหมือนเดิม
 
และเพื่อนส้มก็ยังคงไปเหมือนกัน แล้วก็น่ารักซื้อของมาฝากอีกด้วย
 
วันนี้ส้มก็เลยเอามารีวิวให้ได้ดูกัน กับผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ HERA
 
(ซึ่งต้องบอกก่อนว่า แบรนด์ HERA นี้ จะอยู่ในเครือของบริษัท Amore Pacific
ที่ผลิตเครื่องสำอางค์ออกมาหลากหลายยี่ห้อ  
ถ้าเอาที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีก็จะมี
Laneige, Sulwhasoo, Etude House, Innisfree, IOPE, Mamonde เป็นต้น
ส่วน HERA นี่นับว่าเป็นแบรนด์ระดับ Hi End ของ Amore Pacific เลยก็ว่าได้ค่ะ
ซึ่งของเค้านี่จะเด่นในเรื่องของสกินแคร์ที่เน้นเรื่องความขาวกระจ่างใส
และลดริ้วรอยค่ะ)
 
เอาล่ะ..วันนี้ส้มก็เลยเอาตัวที่ได้มาจากเพื่อน เอามารีวิวให้ได้ดูกันนะคะกับ
HERA UV Mist Cushion SPF 50+/PA+++ เบอร์ N23  

 
คำเคลมจากทางแบรนด์

*Act as mist+foundation+sun block+whitening+Cooling

*Prompt moisturizing & Cooling effect by Mineral Clay Water

*Realizes Translucent & light Shimmer makeup

*ease aging phenomenon with 4 Berry extract

and protects skin from UV

สรุปง่ายๆนะคะ มันคือรองพื้น multi function 5 in 1 ที่จะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

ทำให้ผิวรู้สึกเย็นสบายด้วยน้ำแร่ธรรมชาติ และยังมีส่วนผสมของ Whitening 

ที่พร้อมบำรุงผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น

ไม่เหนอะหนะ มีสารกันแดด SPF50 + / PA+++  ผสม

ช่วยปรับสีผิวให้ดูเนียนใสเป็นธรรมชาติ

จุดเด่นของ HERA UV Mist Cushion SPF 50+/PA+++

ก็คือ รางวัลที่ได้จากหลากหลายสถาบัน ตัวอย่างเช่นข้างล่างนี้


ลักษณะของผลิตภัณฑ์
นี่คือลักษณะของกล่องค่ะ มาแบบเรียบๆ สีขาว
มีระบุชื่อ และ สีเบอร์ ส้มได้เบอร์ N23 มาค่ะ Cool Beige Natural
 
ซึ่งจริงๆแล้ว สำหรับรุ่นนี้ จะมีทั้งหมด 5 เฉดสีด้วยกัน ตามรูปด้านล่างค่ะ
 
N21 จะเหมาะสำหรับคนผิวขาวชมพู เน้นความเป็นธรรมชาติ
N23 จะเหมาะกับคนผิวขาวโทนเหลือง หรือ สองสี เน้นความเป็นธรรมชาติ
 
C21 จะเหมาะกับคนผิวขาวอมชมพู ที่ต้องการปกปิดมากเป็นพิเศษ
C23 จะเหมาะกับคนผิวขาวโทนเหลือง หรือสองสี ที่้ต้องการปกปิดมากเป็นพิเศษ
 
#22 Shimmer Beige เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ใช้หลังจากทา พวกเบอร์ข้างบนเรียบร้อยแล้ว ค่อยทาตัวนี้ทับ
เพราะมีชิมเมอร์ผสม เน้นการทาบริเวณโหนกแก้ม หรือสันจมูก
เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้แก่ใบหน้า
ด้านบนกล่อง จะมีเบอร์กำกับเอาไว้ด้วย

 
เมื่อแกะกล่องออกมา จะเห็นว่า มีตลับรองพื้นสีขาวกลมๆขอบเงิน
 
และที่เห็นในซองทางด้านซ้ายมือ คือ ตัว Refill ที่แถมมาในกล่องค่ะ
 
 
เมื่อเปิดตลับออกมา จะมี 2 ชั้น
 
ชั้นบนจะเป็นพัฟฟ์สำหรับทารองพื้น และอีกชั้นนึงจะเป็นชั้นของรองพื้น
 
ซึ่งมีสติ๊กเกอร์ติดเอาไว้อยู่ ก่อนใช้ต้องดึงออกค่ะ
 

 
เมื่อลอกแผ่นสติ๊กเกอร์ ออก ก็จะเห็นตัวรองพื้นที่มีลักษณะเป็นรูๆอย่างในรูปค่ะ
 

 
มาดูใกล้ๆนะคะ สังเกตเลยว่า ที่มันเป็นรูๆแบบนี้
 
เพราะว่าด้านบนมันเป็นฟองน้ำนุ่มๆ หรือที่เค้าตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ ว่า Cushion นั่นเอง
 
ส่วนใต้ฟองน้ำจะเป็นรองพื้น
 
เวลาใช้เราต้องเอาพัฟฟ์กดลงไป แล้วรองพื้นจะติดขึ้นมา
 
เหมือนจะเป็นการกรองรองพื้นอีกชั้นนึง ไม่ให้จับตัวกันเป็นก้อน
 
เนื้อรองพื้นจะละเอียดมากยิ่งขึ้น ทำให้เกลี่ยได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ
 
ซึ่งช่วงนี้เครื่องสำอางค์เกาหลี เริ่มทำรองพื้นออกมาในแนว Cushion แบบนี้เยอะมากค่ะ

 
เมื่อได้ทดลองกับผิวบนหลังมือ
 
สังเกตได้อย่างชัดเจนเลยค่ะว่า ผิวที่อยู่ในวงกลมตามรูปนั้น
 
ผิวจะเนียนละเอียดมากกว่าส่วนที่ไม่ได้ทา
 
และยังดูใสเป็นธรรมชาติ เพราะเนื้อสีเข้ากับสีผิวได้ค่อนข้างดี

 

เมื่อทดลองใช้กับผิวหน้า

 
เนื้อสีเบอร์ N23 อย่างที่บอกไปข้างต้นคือ จะเน้นความเนียนใสเป็นธรรมชาติ
 
ไม่ได้เน้นการปกปิดมากนัก ดังนั้น จากรูปจะยังเห็นว่า
 
มีรอยสิวแดงๆ ตรงมุมซ้ายใต้คางให้เห็นอยู่
 
แต่พวกจุดด่างดำที่เล็กๆ ก็ปกปิดได้ค่อนข้างดีประมาณนึงค่ะ
 
แต่โดยรวม ส่วนตัวส้มชอบนะคะ เพราะว่ารองพื้นนี้
 
เมื่อทาแล้วรู้สึกสบายผิว เหมือนไม่ได้ทารองพื้นเลย
 
เพราะบางเบามาก แต่ปกปิดได้ประมาณนี้ ส้มถือว่าโอเคสำหรับส้มเลยค่ะ

 
ข้อดีและข้อเสีย
 
ข้อดี – เนื้อรองพื้นบางเบา เนียนละเอียด ไม่ต้องทาแป้งทับก็ได้
ผิวจะดูช่มชื้น สุขภาพดี
 
– มีกลิ่นหอมอ่อนมากๆ 
 
– ติดทนนานพอสมควร 
 
– ทาแล้วชุ่มชื้นผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ 
 
– ผิวแห้ง กับ ผิวมันสามารถใช้ได้
 
– มี refill มาให้ในกล่อง ขนาด 15 กรัมเท่ากับที่อยู่ในตลับ
 
ข้อเสีย – ราคาสูง และหา ซื้อยาก เพราะไม่มีช้อปในไทย
 
– ไม่ปกปิดพวกรอยแดงจากสิว (สำหรับสีเบอร์ N21, N23)
 
– หากชอบให้ผิวดูแมท ต้องทาแป้งทับ
 
– เท่าที่สัมผัสเนื้อรองพื้นในตลับ รู้สึกว่าจะมีปริมาณไม่เยอะมากนัก
 
ถ้าเทียบกับราคา ก็ถือว่าแพงค่ะ
 
 
ราคาและสถานที่ซื้อ
 
อันนี้เพื่อนส้มซื้อมาให้จาก Duty Free ที่เกาหลี
 
ราคาข้างกล่อง ระบุเอาไว้ที่ 45,000 วอน 
 
ถ้าเทียบเรท 0.028 ก็จะประมาณ 1,260 บาทค่ะ
 
 
สำหรับใครที่สนใจ อาจจะเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
 
 
วันนี้ก็ต้องขอบคุณมากๆนะคะที่ติดตามอ่านรีวิวค่ะ
 
เอาไว้พบกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้านะคะ

 

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Prev Post Next Post