Review: BB Cushion ใหม่ล่าสุดจาก Laneige สูตร Whitening และ Pore Control
ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องสำอางที่ทำให้ Cushion ดังไปทั่วโลก ก็คงจะต้องนึกถึงแบรนด์ Laneige เป็นแน่ ๆ
แต่ถ้าใครเคยอ่าน blog ส้ม ต้องทำความเข้าใจกันนิดนึงก่อนจะเข้าใจผิดเนอะ
คือ IOPE เป็นแบรนด์แรกที่ผลิต Cushion ออกมา แต่ขายเฉพาะในเกาหลีก่อน
แต่ Laneige เป็นแบรนด์ที่เผยแพร่ cushion ให้กับทั่วโลกได้รู้จักเป็นแบรนด์แรกนั่นเอง
และที่สำคัญ ขายได้มากกว่า 10 ล้านตลับทั่วโลก!!!!
และแบรนด์ Laneige เอง ก็ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาโดยตลอด
และขณะนี้ได้ออก Cushion รุ่นใหม่ล่าสุดออกมา ด้วยกัน 2 สูตรด้วยกัน
ที่ใครก็เทียบไม่ได้ !! กับ
Laneige BB Cushion Whitening SPF50+/PA+++
และ Laneige BB Cushion Pore Control SPF50+/PA+++
เอาล่ะ…เดี๋ยวเรามาดูหน้าตาแพคเกจจิ้งกันก่อนเลย
ถ้าดูจากกล่องแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก
แต่ถ้าด้านหน้ากล่องก็จะมีระบุชื่อสูตรชัดเจน
ซ้าย : สูตร Pore Control เป็นสูตรควบคุมความมัน พรางรูขุมขน ปกปิด ไม่มันวาว
ขวา : สูตร Whitening ให้ผิวดูกระจ่างใส และปกปิดเรียบเนียน
ซึ่งทางแบรนด์ได้ให้ส้มมาลองทั้งหมด 2 เฉดสีด้วยกันค่ะ
สูตร Pore Control ส้มได้สีเบอร์ 23 Sand มา
ส่วนสูตร Whitening ส้มได้สีเบอร์ 23C Cool Sand มาใช้ค่ะ
ถ้าดูจากตัวตลับ จะใกล้เคียงกันมากค่ะ ให้สังเกตที่ขอบด้านบนฝา
ถ้าสูตร Pore Control ขอบจะเป็นสีเขียว
ส่วนสูตร Whitening จะเป็นสีเทาค่ะ
ด้านหลังก็จะมีบอกเบอร์สีไว้ตัวใหญ่มากกกกกกกกกก นาน ๆ จะเห็นเบอร์สีที่ชัดเจนขนาดนี้
มีทั้งหมด 8 เฉดสีด้วยกัน
และมีเฉดสีใหม่ ก็คือ เบอร์ 31, 33, 13C, 21C, 23C
นอกจากโทนสีที่มีให้เลือกเยอะขึ้นแล้ว จุดเด่นของ Cushion รุ่นใหม่นี้ก็คือ
*ดีไซน์บางลงจากรุ่นเดิม พกพาง่าย
*ฟองน้ำคุชชั่นเป็นแบบ 3D เนื้อแน่น ทำให้เนื้อบีบีไม่ล้นออกมาเวลากด
ถ้าหากกดนิ้วกดดู มันจะค่อนข้างแข็ง ไม่ยุบตัวเหมือนคุชชั่นทั่วไปที่เราเคยใช้กันมา
*พัฟฟ์ที่ช่วยกักเก็บและค่อยๆ ปล่อยเนื้อบีบีให้ออกมาในปริมาณที่เหมาะสม
ส้มได้ลองทาลงบนท้องแขนให้ได้เห็นเฉดสี
เนื่องจากสูตร Pore Control ส้มได้เบอร์ 23 Sand มา (ซ้ายมือของรูป)
ส่วนสูตร Whitening จะเป็นสีเบอร์ 23C Cool Sand (ด้านขวาของรูป)
เฉดสีถือว่าใกล้เคียงกันมากๆค่ะ แต่ถ้าสังเกตเนื้อคุชชั่นจะต่างกันชัดเจน
สุตร Pore Control จะให้ลุคที่ค่อนไปทางแมทท์ ไม่เงามากนัก
แต่สูตร Whitening จะดูเงานิดๆ และผิวจะดูกระจ่างใสกว่า
เวลาใช้คุชชั่น แนะนำให้สอดนิ้วมือเข้าไป 3 นิ้วแบบนี้นะคะ จะได้จับพัฟฟ์ได้สะดวก ไม่หลุดมือด้วยค่ะ
จากนั้นก็ค่อยเอามากดเบาๆ ให้ทั่วผิวหน้า
สำหรับรูปด้านล่างนี้ จะเป็นสูตร Pore Control สีเบอร์ 23 SAND
สังเกตได้เลยค่ะว่า “มันช่วยอำพรางรูขุมขนได้ค่อนข้างดีทีเดียว เหมือนเป็นการเบลอผิว
แล้วก็ทำให้จุดด่างดำ รอยแดง ดูจางลง ริ้วรอยบริเวณใต้ตา และรอยหมองคล้ำก็จางลงเช่นกัน
แต่ยังไม่ถึงกับปกปิดได้เนียนสนิท 100% ค่ะ”
ส่วนรูปด้านล่างนี้ จะเป็นสูตร Whitening สีเบอร์ 23C Cool Sand
สังเกตได้เลยค่ะว่า “ผิวจะดูขาวกระจ่างใสขึ้น ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง ผิวดูเนียนละเอียดขึ้น
ส่วนจุดด่างดำ รอยแดง ก็ปกปิดได้ประมาณนึงค่ะ ใกล้เคียงกับสูตร Pore Control”
สรุปผลหลังใช้
ส่วนตัวส้มชอบทั้ง 2 เลยค่ะ เพราะมีข้อดีต่างกัน
อย่างส้มเองเป็นคนผิวมันช่วง T-Zone ส้มก็จะใช้สูตร Pore Control ทาช่วง T-Zone อย่างเดียว
แต่กรอบหน้าทั้งหมดส้มก็จะชอบใช้สูตร Whitening เพื่อที่จะได้ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น
ทั้ง 2 สูตรคือมีข้อดีตรงที่ เวลาที่เรากดพัฟฟ์ลงไป เนื้อบีบีมันจะไม่ไหลออกมาเลอะตัวพัฟฟ์เหมือนทั่วไปที่เราใช้
แล้วปริมาณที่ติดพัฟฟ์ขึ้นมาแต่ละครั้งคือพอดีมาก ๆ ไม่เยอะ ไม่น้อยจนเกินไป ทำให้เรากะปริมาณได้ง่ายขึ้น
อีกอย่างที่ชอบเลยนะ คือ มันเย็นสบายผิวค่ะ เราจะรู้สึกได้เลยตอนที่ทาลงบนผิว
เพราะว่าเนื้อบีบีตัวนี้จะช่วยลดอุณหภูมิผิวได้ 4.5 องศาC เลยทีเดียว ไม่เชื่อต้องลองค่ะ มันเย็นสบายผิวจริง ๆ
แล้วก็มันค่อนข้างติดทน เพราะส้มชอบฉีดสเปรย์น้ำแร่ มันก็ยังไม่หลุดออกไปจนหมด
อย่างสูตร Pore Control นี้คือ ทำให้ส้มประหยัดเวลาไม่ต้องลง primer เพื่อเบลอผิวก่อนด้วย
เพราะมันช่วยอำพรางรูขุมขนในตัว และไม่ทำให้หน้ามันระหว่างวัน ส้มว่าคนผิวมันน่าจะเหมาะค่ะ
โดยรวมคือ ชอบทั้ง 2 สูตรเลย ใครอยากลองต้องไปดูที่เคาน์เตอร์ Laneige ตามห้างแล้วนะจ้ะ
ราคา และ สถานที่จัดจำหน่าย
ทั้ง 2 สูตร ราคากล่องละ 1,500 บาท (พร้อมรีฟิล 1 ชิ้น)
หาซื้อได้แล้วที่เคาน์เตอร์ Laneige ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/laneigethailand/
อ่านข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม >> click
สุดท้ายนี้ ก็ต้องขอขอบคุณทาง Laneige Thailand ที่ให้คุชชั่นรุ่นใหม่ส้มมาลองใช้ด้วยนะคะ
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้าค่ะ
