เมื่อปีที่แล้ว ส้มได้เขียนรีวิวไปบ้างแล้วเกี่ยวกับ OLAPLEX ซึ่งเป็นเคมีชนิดหนึ่งที่

สามารถสมานข้อต่อของโครงสร้างแกนผมภายใน ทำให้เส้นผมแข็งแรงจากภายใน

เส้นผมที่แห้งเสียจากการทำการดัด ย้อม ยืด ฟอก หรืออื่นๆ จะฟื้นตัวได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งครั้งที่แล้ว

ส้มได้ให้ช่างใส่ OLAPLEX ในการทำสี และ ฟอกสี เชื่อไหมคะว่า ปัจจุบันนี้ ผมส้มยังไม่แห้งเสียเลย

สุขภาพผมยังดีเหมือนผมไม่ได้ทำการฟอกมาเลย ส้มถึงเชื่อมั่นใน OLAPLEX มากๆ

 

และเพื่อให้ทุกคนรู้จักกับ OLAPLEX นวัตกรรมที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

รวมไปถึงเซเลบ ดาราดังฮอลลีวู้ด ไม่ว่าจะเป็น Kim Kardashian , Jennifer Lopez,

 Gwyenth Paltrow ที่มี Tracey Cunningham เป็นแฮร์สไตลิสท์ในการทำสีผมให้

 

OLAPLEX คืออะไร และ ดียังไง ? 

OLAPLEX  คือ เคมีที่มีความสามารถในการสมาน bond หรือ ข้อต่อของโครงสร้างแกนผมภายใน

และช่วยในการเชื่อมต่อข้อของเส้นผมที่มีการเปราะ และ แตกหักภายใน

ซึ่งเคมีตัวนี้ได้คิดค้นโดย Dr.Eric Pressly และ Dr.Craig Hawker

ซึ่งได้คิดค้น เคมีเดี่ยวขึ้นมา ที่ไม่มีส่วนผสมของ ซิลิโคน หรือ น้ำมัน

ที่จะสามารถเชื่อมต่อข้อต่อของเส้นผมภายในที่มีการแตกหัก

ในระหว่างหรือหลังการทำเคมีกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็น ทำสี ฟอก กัด ย้อม ยืด

มันจะช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงมากกว่าเดิม

อธิบายให้เห็นภาพชัดขึ้น ง่ายๆ เลยก็คือ

ปกติโครงสร้างของเส้นผมเรา เวลาที่เราทำเคมีกับเส้นผม

 ส่วนที่จะบ่งบอกว่า ผมจะเสียหรือไม่นั้นก็คือ ข้อต่อ Disulfide Bond

 สังเกตง่ายๆว่า อย่างคนที่ฟอกสีผม ทำไมพอฟอกไปแล้ว

ผมขาดง่ายมาก หรือ ผมแห้งเสีย หยิก หรือเป็นวุ้นเลย นั่นก็เพราะว่า Disulfide Bond มันถูกทำลาย

มันไม่มีข้อต่อที่จะไปเชื่อมต่อกัน  แต่ตัว OLAPLEX มันจะเป็นตัวที่มาเสริมข้อต่อให้โครงสร้างเส้นผมข้างใน

ของเรา  พอเราฟอกสีปั๊บ ข้อต่อขาดไป OLAPLEX ก็จะเข้าสร้างข้อต่อเพิ่มกลับคืนให้เรา

นั่นก็เลยทำให้ผมเราไม่เสียนั่นเอง

 

 

สังเกตจากภาพด้านล่างนี้ เห็นชัดเจนมากเลย ว่า เส้นผมที่ได้ใช้ OLAPlEX

มีความเงา ดูนุ่มลื่นและดูสุขภาพดีมากๆ

 

และนี่คือ อีกหนึ่งในหลายๆตัวอย่าง (ถ้า search OLAPLEX ใน Google จะมีรีวิวอีกเพียบเลยค่ะ)

ว่าผมที่ได้บำรุงด้วย OLAPLEX ก่อนและหลังมันแตกต่างกันจริงๆ

 

ใครที่เหมาะในการทำ OLAPLEX บ้าง

ทุกสภาพเส้นผมสามารถทำ OLAPLEX ได้

คนสุขภาพผมดีอยู่แล้ว ก็สามารถทำ OLAPLEX เพื่อบำรุงข้อต่อแกนผมภายในให้แข็งแรงขึ้น

คนที่ผมเสียจากการทำเคมีต่างๆ ก็จะยิ่งช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้นิ่มลื่น แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

และรวมไปถึงคนที่จะทำการยืด ฟอก ดัด ผม ก็สามารถใส่ OLAPLEX ในการขั้นตอนทำผมดังกล่าว

เพื่อเป็นการสมานข้อต่อเส้นผมในระหว่างทำเคมี ก็จะได้เป็นการบำรุงให้เส้นผมมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ผมจะได้ไม่เสียง่ายค่ะ

 

ปล. ถ้าใครยืดผม ดัดผมมาแล้วผมช๊อต ปลายหยิก เป็นวุ้น OLAPLEX ก็ไม่สามารถช่วยได้เต็มที่

เพราะนั่นคือผมที่ตายแล้ว จำเป็นที่จะต้องตัดออกนะคะ ผมที่เสียมากๆแล้ว ก็ต้องทำใจเลยค่ะ

 

 

สามารถทำได้บ่อยแค่ไหน?

จริงๆแล้ว OLAPLEX  สามารถทำได้ทุกครั้งที่เราจะทำเคมีต่างๆกับผม คือใส่ OLAPLEX

ในขั้นตอนการทำเคมีได้เลย เพื่อเป็นการป้องกันผมเสียระหว่างทำเคมีนั่นเอง

 ข้อดีของ OLAPLEX คือ มันจะอยู่ถาวร เพราะไม่ได้เป็นการบำรุงผมแค่ภายนอก

แต่เป็นการบำรุงจากแกนผมภายใน  และยังสามารถทำเดี่ยวๆ เหมือนเป็นการบำรุงเส้นผมค่ะ

 

หน้าตาผลิตภัณฑ์

 

จะมีทั้งหมด  3 ตัวด้วยกันค่ะ สังเกตว่าจะมีหมายเลขตรงที่ขวดด้วย

 

No.1  คือ Olaplex Bond Multiplier เป็นน้ำยาที่ใช้เฉพาะในซาลอน

No. 2 คือ Bond Perfector เป็นน้ำยาที่ใช้เฉพาะในซาลอน 

No. 3 คือ Hair Perfector เป็น after care ที่เอาไปใช้ที่บ้าน

(ใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ขวดนึงก็ใช้ 4 ครั้งพอดีค่ะ)

ขั้นตอนในการทำ OLAPLEX 

 

หลังจากที่ช่างผมได้ดูสภาพเส้นผม ความยาว ความหนา เรียบร้อยแล้ว

 หากเส้นผมสะอาด ก็ไม่ต้องสระผม เพราะผมแห้งและสะอาดจะดูดซึมสารบำรุงจาก OLAPLEX ได้ดีที่สุด

แต่ถ้าผมสกปรก ไม่ได้สระหลายวัน ก็ควรสระทำความสะอาดก่อนค่ะ

พอดีผมส้มพึ่งสระเมื่อเช้า ก็เลยไม่ต้องสระอีกค่ะ

จากนั้นช่างจะทำการเตรียมอ่างสระผม

โดยการเอา พลาสติกใส มา wrap เอาไว้ เพื่อป้องกันเวลาทำ OLAPLEX ผมจะได้ไม่โดนน้ำนั่นเอง

 

 

 

 

 

 

ขั้นตอนที่ 1 :  เอา OLAPLEX เบอร์ 1  บีบจากขวดขึ้นมาให้ได้ 15ml (ซึ่งจะมีตัวเลขบอกอยู่ค่ะ)

แล้วก็เอาไปผสมในขวด ที่ใส่น้ำเปล่าเอาไว้  90ml จากนั้นก็เขย่าให้ส่วนผสมเข้ากันค่ะ

จากนั้นช่างจะบีบส่วนผสมที่เตรียมเอาไว้ลงบนผมแห้งให้ทั่ว

โดยเริ่มตั้งแต่โคนผมมายังปลายผม

 

จากนั้นหวีสางผมให้ OLAPLEX ซึมเข้าเส้นผมให้ทั่ว

จากนั้นทิ้งเอาไว้ 5 นาทีค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 : ใช้ OLAPLEX เบอร์ 2 ทาให้ทั่วเส้นผมโดยไม่ต้องล้างเส้นผม

จากนั้นหวีผมให้ทั่วเพียงแค่ครั้งเดียว ไม่ต้องหวีซ้ำๆหลายครั้ง

 

 

แล้วทิ้งผมเอาไว้ 15-20 นาที ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมของแต่ละคนด้วยนะคะ

ทิ้งไว้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะช่วยซ่อมแซมพันธะข้อต่อเส้นผมภายในได้ดีมากยิ่งขึ้น

(อันนี้ต้องให้ช่างผุ้เชี่ยวชาญเป็นคนพิจารณาอีกทีค่ะ)

ขั้นตอนที่ 3: ล้างทำความสะอาดเส้นผม โดยล้างน้ำเปล่าให้สะอาดก่อน

จากนั้นใช้ Moroccanoil Smoothing Shampoo ซึ่งจะเป็นแชมพูสูตรใหม่ล่าสุดจาก Moroccanoil

ที่จะช่วยทำให้เส้นผมเรียบลื่น ไม่ชี้ฟู พร้อมกับบำรุงเส้นผมในตัว

 

 

 

 

 

ขั้นตอนที่ 4 :  บำรุงเส้นผมด้วย Moroccanoil Smoothing Mask

และผสม Moroccanoil Treatment

เมื่อผสมมาสก์และออยล์เข้าด้วยกันแล้ว ก็แบ่งช่อผมเป็นส่วนๆแล้ว ทามาสก์ให้ทั่วเส้นผม

มาสก์ตัวนี้จะเป็นการบำรุงผมชั้นนอกให้มีความเป็นเงา มีน้ำหนัก นุ่มลื่น จัดทรงง่ายค่ะ

(เพราะว่าเราได้บำรุงแกนผมภายในเสร็จแล้ว ก็ต้องบำรุงเส้นผมภายนอกด้วยเช่นกันค่ะ)

 

 

จริงๆขั้นตอนนี้ หลังชโลมมาส์เสร็จแล้วสามารถทิ้งผมเอาไว้ได้เลยนะคะ

แต่เพื่อให้มันซึมลึกได้ดียิ่งขึ้น ทางร้านก็ได้ใช้เครื่องอบอินฟราเรดทิ้งเอาไว้อีกประมาณ 10-15 นาทีค่ะ

 

 

พอเสร็จแล้วก็ไปล้างผมให้สะอาดค่ะ

 

พอสระผมและเช็ดให้แห้งแล้ว ก็จะใส่ Moroccanoil Smoothing Lotion ซึ่งจะเรียกได้ว่า

เป็น All-In-One โลชั่นที่ใช้ก่อนการไดร์ผม เพื่อให้เส้นผมมีความเงางาม จัดทรงง่าย

ลดอาการชี้ฟูและไฟฟ้าสถิตของเส้นผมค่ะ

จากนั้นก็เป่าผม จัดแต่งทรงผมได้เลย  ส้มให้ช่างไดร์ฟาร่าให้ เพราะคุณแจ๊คไดร์ฟาร่าสวย

พรุ่งนี้เช้าต้องไปงานหมั้นเพื่อนด้วยเลยให้จัดแน่นๆเลยค่ะ คิคิ เพียงแค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย

ผมส้มนุ่มลื่น แล้วก็เป็นเงา ดูสุขภาพดีขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ เป็นการบำรุงผมที่เรียกได้ว่า

“บำรุงข้อต่อแกนผมภายใน และ บำรุงเส้นผมภายนอก” ได้ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

อยากให้ได้มาลองดูค่ะ โดยเฉพาะ “คนที่ผมแห้งเสียจากการทำ สี ดัด ยืด ย้อม ฟอก”

แค่ครั้งเดียวก็สัมผัสความแตกต่างได้แล้วค่ะ

 

 

ราคาและสถานที่ให้บริการ

ส้มมาทำที่ร้าน De Juice Hair Stylist สาขา สยามสแควร์ ซอย 6 นะคะ

ราคาในการทำ OLAPLEX + Moroccanoil อยู่ที่ครั้งละ 3,500 บาทค่ะ

 

สอบถามหรือจองคิวล่วงหน้าได้ที่เบอร์  02-658-3882

ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นของทางร้านได้ที่

Facebook: https://www.facebook.com/DeeJuiceSalon/

 

 

 

 

 

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทางร้าน De Juice Hair Stylist มากๆนะคะ ที่เชิญส้มมารับบริการในครั้งนี้ด้วยค่ะ

 

แล้วพบกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้านะคะ