Review : ทรีทเม้นท์เติมความชุ่มชื้นให้เส้นผม ด้วย Moltobene Deep Layer 5 ขั้นตอนจากญี่ปุ่น
ส้มเป็นคนชอบบำรุงผมมากๆ ชอบหาทรีทเม้นท์ใหม่ๆทำอยู่เรื่อยๆ และมันต้องดีด้วย
พอดีว่า โปรคริส ที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว (ถ้าใครใช้อุปกรณ์ม้วนผมเลอซาช่าต้องรู้จักแน่ๆ)
พี่คริสเค้าเปิดร้านทำผมอยู่ที่ พระรามเก้า ซอย 49 (ปากซอยแยก 5)
ซึ่งทางพี่คริสก็ได้ชวนส้มไปทำทรีทเม้นท์บำรุงผมของญี่ปุ่น
โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้จะเป็นแบรนด์ Moltobene (อ่านว่า โมโตเบเน่)
และทรีทเม้นท์ที่จะทำในครั้งนี้ก็คือ Deep Layer Moisture Treatment System
ซึ่งจะเหมาะมากๆสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม
ผมเสียอย่างรุนแรงที่เกิดจากการดัด ทำสี และหมักหมมของซิลิโคน
ไม่ต้องแปลกใจค่ะ ผิวหน้าคนเราแห้งได้ ขาดน้ำได้ เส้นผมก็เหมือนกัน
ยิ่งถ้าใครไดร์ผมบ่อยๆ รีดผม ม้วนผม อยู่เป็นประจำ เส้นผมย่อมขาดน้ำในผมอยู่แล้ว
ทรีทเม้นท์ตัวนี้จะเป็นการเติมน้ำให้เส้นผมของเรา
ให้ผมได้รับการบำรุงจากภายในให้มีความชุ่มชื้น และปกป้องเคลือบผมให้เงางาม
ขั้นตอนในการทำทรีทเม้นท์ Deep Layer
จะด้วยกันทั้งหมด 5 ขั้นตอนค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 : Repair Layer 1 (ใช้ Deep Layer เบอร์ 1)
ผลลัพธ์ที่ได้ –เข้าฟื้นบำรุงผม
ส่วนผสมหลัก – โปรตินเปปไทด์ชนิดจับตัวกันที่ได้มาจากเซลล์แรกเริ่มในการสร้างเส้นผม
โดยที่ช่างจะต้องดูเส้นผมของเราเสียก่อนว่า มีความเสียหายมากน้อยแค่ไหน
เช่น ผมแห้งเสียมากหรือเปล่า แล้วช่างถึงจะกำหนดได้ว่าจะต้องลงทรีทเม้นท์ตั้งแต่ส่วนไหนของเส้นผม
อย่างผมส้มเอง ม้วนและไดร์บ่อยช่วงนี้ ปลายผมจะเริ่มแห้งแล้ว แต่ผมไม่ได้เสีย
ขั้นตอนแรกนี้ช่างจะเริ่มจากทำการสระผมและบิดให้หมาดจากนั้นก็แบ่งผมออกเป็นส่วนๆ
แล้วใส่ทรีทเม้นท์ผม Deep Layer เบอร์ 1 ก่อน จะบอกว่า กลิ่นหอมอารมณ์สปามากๆ
ชโลมและนวดเข้าเส้นผมที่ได้แบ่งเอาไว้แล้ว นวดให้ซึมเข้าสู่เส้นผม
จากนั้นก็อบไอน้ำ ประมาณ 10-15 นาทีเพื่อให้ทรีทเม้นท์ซึมเข้าสู่ผมได้ดีมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ 2: Repair Layer 2 (ใช้ Deep Layer เบอร์ 2)
ผลลัพธ์ที่ได้ –รวมตัวกันช่วยฟื้นบำรุง
ส่วนผสมหลัก – เคราตินเปปไทด์ชนิดไม่รวมตัวกันจากเซลล์เมทริกซ์และเคราไทด์
โดยช่างจะทำการล้างเส้นผมด้วยน้ำอุ่นหลังจากอบไอน้ำด้วย Deep Layer 1 เสร็จแล้ว
จากนั้นบิดน้ำออกให้หมาด
แล้วแบ่งผมออกเป็นส่วนๆ แล้วฉีดสเปรย์ Deep Layer เบอร์ 2 เน้นบริเวณเส้นผมที่มีความแห้งเสียมากๆ
แล้วสางผมด้วยนิ้วมือตั้งแต่โคนผมจรดปลายผม ไม่ให้เส้นผมพันกัน
ขั้นตอนที่ 3 : Stick Layer (ใช้ Deep Layer เบอร์ )
ผลลัพธ์ที่ได้ – เสริมความแข็งแรง
ส่วนผสมหลัก –สาร Sodium Dilauramidoglutamide Lysine
ซึ่งเปรียบเสมือนนาโน CMC, Pellicer (มีกรดอ่อนๆ)
พอฉีดสเปรย์ Deep Layer 2 ให้ทั่วแล้ว ไม่ต้องล้างน้ำออก ก็จะตามด้วยการใส่ทรีทเม้นท์ Deep Layer เบอร์ 3
เน้นบริเวณเส้นผมที่แห้งเสียมาก สางผมด้วยนิ้วมือตั้งแต่โคนจรดปลายผม ไม่ให้พันกัน
ใช้นิ้วกดนวดเบาๆ จะทำให้ทรีทเม้นท์ซึมเข้าไปได้ดียิ่งขึ้น
จากนั้นล้างผมให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น
ขั้นตอนที่ 4: Triming Layer (ใช้ Deep Layer เบอร์ 4)
ผลลัพธ์ที่ได้ – สร้างฟิลม์มอยเจอร์ไรเซอร์ไฮยาลูโรนิค
ส่วนผสม – 18-Methylicosanoic acid สารแอคทีฟคีโตซาน ฟิล์มไฮยาลูโรนิคชนิดยึดเกาะตัว
แบ่งผมออกเป้นส่วนๆ นวดทรีทเม้นท์ โดยเน้นบริเวณเส้นผมที่แห้งเสียมาก
ขั้นตอนที่ 5 : Over Layer (ใช้ Deep Layer เบอร์ 5)
ผลลัพธ์ที่ได้ – สร้างฟิล์มมอยเจอร์ไรเซอร์ไฮยาลูโรนิค
ส่วนผสม – Hyaluronic Acid, Fluorine, Hybrid Polymer
ชโลมทรีทเม้นท์โดยเน้นบริเวรผมที่แห้งเสียมาก สางผมด้วยนิ้วมือตั้งแต่โคนจรดปลายผมไม่ให้เส้นผมพันกัน
แล้วนวดให้ทรีทเม้นท์ซึมเข้าสู่เส้นผม
ทิ้งเอาไว้ ประมาณ 10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้สะอาดหมดจด
จากนั้นไดร์ผมและจัดทรงตามปกติ แต่ในขั้นตอนการไดร์ผมนี้ จะไม่ดึงเส้นผมแรงๆ จนหัวโยก
เน้นการเป่าไดร์ให้เส้นผมแห้งตัวมากกว่า
ซึ่งตอนก่อนจะไดร์ผม ส้มเอามือจับเส้นผมดู คือจะบอกว่า กลิ่นหอมๆนี่ติดเส้นผมมาด้วยเลย
กลิ่นหอมอโรม่าแบบสปา
และที่สำคัญมากๆคือ เส้นผมนุ่มลื่น และ นิ่มขึ้นมากๆเลยค่ะ
เส้นผมส้มนุ่มลื่นขึ้น แต่อาจจะรู้สึกหนืดๆเล็กน้อยค่ะลงตรงช่วงปลายผมที่เริ่มแห้งค่ะ
เพราะทรีทเม้นท์อัดแน่นอยู่ปลายผมที่เริ่มแห้งนี่แหละค่ะ
แต่เดี๋ยวทิ้งไว้ 1 วันค่อยสระผม ช่างบอกว่า ผมจะยิ่งนุ่มลื่นขึ้นกว่านี้อีกค่ะ
(นึกในใจ แค่นี้ก็นิ่มแล้วนะเนี่ย ^__^ )
จะบอกว่า ขณะที่ส้มกำลังพิมพ์รีวิวนี้ให้ทุกคนได้อ่าน ผ่านมา 5 ชั่วโมงแล้ว
เส้นผมยังมีกลิ่นหอมติดอยู่เลย ชอบกลิ่นมากๆๆๆๆ อยากให้ได้มาลองทำดูค่ะ แล้วจะติดใจ
อ้อ…เกือบลืมบอกไปค่ะว่า ระหว่างสัปดาห์เราควรบำรุงผมต่อเนื่องด้วยที่บ้านนะคะ
ช่างแนะนำให้ซื้อ Deep Layer H กลับไปด้วย (ราคา 300 บาท)
ก็คือให้ใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยใช้หลังจากสระผมเสร็จแล้ว หมักผมแล้วทิ้งเอาไว้
โดยจะอบไอน้ำ หรือ ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วค่อยล้างออก
จะช่วยทำให้เส้นผมได้รับการบำรุง ฟื้นฟู และช่วยทำให้เส้นผมมีน้ำหนักและ นุ่มลื่นอย่างต่อเนื่องค่ะ
ราคาและสถานที่ให้บริการ
ราคา 1,500 – 2,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความยาวเส้นผม)
อย่างผมส้มยาวถึงกลางหลัง ก็คือ 2,000 บาทค่ะ
ร้าน Pro Kris Natural Hair Creative จะอยู่ซอยพระรามเก้า 49 (ปากซอยแยก 5)
โทรนัดจองคิวล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 098 493 9539
หรือติดต่อทาง Facebook: Pro Kris Natural Hair Creative
สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทางโปรคริส และ ทีมงานของร้าน ที่ชวนส้มมาทำทรีทเม้นท์ดีดีแบบนี้ด้วยนะคะ
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้าค่ะ