Orangina พาทัวร์ประเทศไต้หวัน : รวมสถานที่ท่องเที่ยว ไหว้เจ้าแม่กวนอิม พร้อมเปิดถุงช้อปปิ้ง

November 15, 2014

 

เมื่อวันต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเที่ยวไต้หวัน
เป็นครั้งแรกค่ะ…จริงๆ ไม่ได้เที่ยวหรอกค่ะ ไปดูงานที่นั่งเป็นเวลา 5 วัน
เสร็จจากงานก็เลยได้มีเวลาไปเที่ยวบ้างเล็กน้อย
 
 ไต้หวันเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในความคิด ที่อยากจะไปเที่ยวเลย
เพราะรู้สึกว่าเป็นประเทศที่ไม่ค่อยมีอะไร (จริงๆก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่)
แต่พอได้ไปแล้วรู้สึกว่า ก็มีอะไรเยอะกว่าที่เราคิด
 
 ไปครั้งนี้ไปกันเองกับบริษัท เดินทางส่วนใหญ่ก็จะใช้รถไฟฟ้า MRT ของเค้า
ประทับใจหลายๆอย่าง โดยเฉพาะภายในรถไฟฟ้า
กว้างขวางกว่าของเราเยอะเลย
รถเข็นคนชราสามารถเข้าไปภายในรถไฟฟ้าได้สบายเลย
 
ที่แรกที่ไปก็คือ ตึก ไทเป 101 ที่ตอนนี้ตกมาเป็นตึกที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลกแล้ว
 
พอได้มาดูของจริงใกล้ๆแล้ว รู้สึกเลยว่า ทำไมมันจี๊น จีน …
ส้มเห็นแล้วนึกถึงเจดีย์ที่ร้านมังกรหลวงมากเลย 5555
 
ตึกนี้ มีความสูง 509.2 เมตรจากพื้นดิน มีจำนวนชั้นทั้งหมด 101 ชั้น
โดยรูปแบบของอาคารเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเทคโนโลยี
ลดอันตรายจากแรงลม หรือระบบแดมเปอร์รวม (mass damper)
อันทันสมัยตามหลักวิทยาศาสตร์ กับการตกแต่งด้วยรูปหัวมังกรที่มุมอาคารทั้ง 4 ด้าน
ทุกปล้องเพื่อขับไล่ภูติผีปิศาจ
ตามหลักความเชื่อทางไสยศาสตร์จากคำบอกเล่าของซินแส 
ตึกไทเป 101นี้ ประกอบด้วย 101ชั้นเหนือพื้นดิน และอีก 5 ชั้น ใต้ดิน
ความสูงของตึกนับจากพื้นดินขึ้นไปเท่ากับ 509.2 เมตร ถือเป็นตึกแรกในโลก
ที่มีความสูง มากกว่าครึ่งกิโลเมตรชั้น B1 ถึง ชั้น 4 นั้น 
เป็นโซนช๊อปปิ้งโดยเฉพาะ
 
ชั้น B1 จะมีส่วนที่เป็น Food Court และ supermarket อยู่ด้วย
โดยจะเน้น อาหารต่างชาติ ทั้งหลาย ซึ่งแน่นอน ราคาสูง
โซนช๊อปปิ้งก็จะเน้นสินค้าแบรนด์เนมเป็นหลัก ชั้น B2-B5 เป็นที่จอดรถ
จอดได้ 1800 คัน ชั้น 5-6 เป็น Fitness Center ชั้น 7 ถึงชั้น 84 เป็นโซนออฟฟิศ
ชั้น 85 – 88 เป็นโซนภัตตาคารหรู
ภายในประมาณตั้งแต่ชั้น B1- ชั้น 4 
จะเป็นห้างสรรพสินค้า ให้ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม มีแทบจะทุกยี่ห้อเลย
ส่วนราคาก็ถูกกว่าช้อปบ้านเราเล็กน้อยค่ะ 
เข้าไปดูในช้อป ZARA เทียบราคาดูแล้วก็เฉลี่ยว่า 
ถูกกว่าบ้านเราประมาณ 500 บาท
มาเดินเล่นเฉยๆ ไม่ได้ซื้ออะไร ยังไม่มีเงิน 5555
พวกช้อปใหญ่ๆ ที่เป็นที่นิยม อย่าง Louis Vuitton, Prada, Miu Miu
จะเป็นช้อป 2 ชั้นเลยค่ะ ใหญ่ และ ของเยอะมากๆๆๆๆ
และเนื่องจากว่า ส้มมาดูงาน Computex ที่ไต้หวันนี้ โชคดี เค้ามีตั๋วขึ้นชมวิว
ข้างบนตึกไทเป 101 นี้ด้วย ก็เลยได้มีโอกาสขึ้นไปดู
ไม่งั้น ก็ต้องซื้อตั๋วคนละ 550 บาทค่ะ
เค้าก็จะให้บัตรลดราคาสินค้าที่ระลึกที่อยู่ด้านบนด้วยค่ะ
ตอนขึ้นไปบนตึก เค้าบอกเลยว่า ลิฟท์ตัวที่จะพาขึ้นไปนี้
เป็นลิฟท์ที่เร็วที่สุดในโลก ใช้เวลาเพียง 37 วินาที 
และลิฟท์ที่ใช้นี้ก็ยี่ห้อ Toshiba ค่ะ สุดยอดไปเลย
เร็วมากและไม่รู้สึกหูอื้อ หรือ ลิฟท์มีการสั่นอะไรเลย นิ่งเงียบมากๆ
ปรบมือให้เลยค่ะ 
ข้างบนก็จะมองเห็นบรรยากาศทั่วไต้หวัน
ส่วนตัวชอบนะคะ เพราะมีพื้นที่สีเขียวเยอะดี
แล้วก็เป็นเมืองที่มีภูเขาล้อมรอบเยอะ ธรรมชาติดีค่ะ
พอลงมาจากตึกไทเป 101 ส้มก็ได้มาเดินเล่นช้อปปิ้งบริเวณด้านล่าง
ซึ่งรอบๆตึกไทเป 101 นี้ จะเป็น Shopping District 
หรือย่านช้อปปิ้ง อารมณ์เหมือน Central world ประมาณนั้นเลย
ที่รอบๆจะมีพารากอน, เกษรพลาซ่า, อมรินทร์พลาซ่า ประมาณนี้
ของเค้าก็จะมีอยู่ 4 ตึก ด้วยกัน วันที่ไปนี้ ฝนตกพอดีเลย อากาศครึ้มๆเย็นสบาย
ซึ่งแต่ละห้างก็จะมีขายของแบรนด์เนมกระจัดกระจาย
 
แต่ส่วนตัวส้มชอบห้างชินคงมากที่สุด
เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์เสื้อผ้าไต้หวัน  แต่ก็ได้แต่ดู
เพราะแฟชั่นบ้านเค้ากะบ้านเราไม่เหมือนกัน
ยังไงแฟชั่นบ้านเราก็โอเคกว่าอ่ะค่ะ ไต้หวันเค้าจะชอบใส่เสื้อผ้าย้วยๆแนวๆ 
คือมันไม่่ใช่แนวส้มซักเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรมา
และในย่านนี้อย่างที่บอก ก็จะมีโรงหนังที่ใหญ่ที่สุดของเค้าชื่อ VIE SHOW
ประหลาดใจมากที่เดินไปแล้ว เห็นคนต่อคิวยาวตลอด 
ที่สำคัญเห็นหนัง “พี่มากพระโขนง”เข้าฉายที่นั่นด้วย
ภาคภูมิใจกับภาพยนตร์บ้านเราที่ได้ไปฉายต่างประเทศด้วย
เอาล่ะ…เดี๋ยวพามาต่ออีกที่หนึ่ง ที่ชอบไม่แพ้กัน
นั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีแดง จนสุดสาย มาถึงสถานี Tumsui
เรียกได้ว่าออกมานอกเมืองเลยค่ะ ประมาณ 1 ชม. จากตึกไทเป 101
จะเป็นโซนที่ขายของกิน ของจุกจิกเยอะเหมือนกัน
ของกินแปลกๆที่นี่อร่อยดีนะคะ
ของกินที่นี่ ส้มว่าข้างทางแบบเนี้ยอ่ะ อร่อยสุดๆ
โดยเฉพาะอันนี้ “ปลาหมึกทรงเครื่องทอด”
เป็นเนื้อปลาหมึกที่ไม่เหนียวเลย แต่นุ่มมาก ทานง่าย
ปรุงรสด้วยผงบาร์บีคิวมั้งนะคะ แล้วก็เอาไปทอด
โอ้โห…อร่อยลืม … ปกติเป็นคนไม่ค่อยกินปลาหมึกเพราะเคี้ยวยาก และเหนียว
แต่อันนี้ผ่านค่ะ อร่อยจริงๆ ถ้วยนึงก็ประมาณ 50 บาท แต่ให้เยอะนะ ชิ้นใหญ่ๆเลย
ส่วนอันนี้ดำๆ เห็นมีขายทั่วไป ก็คือ Iron egg หรือ ไข่เหล็กนั่นเอง
แต่ส้มไม่ได้ชิมนะคะ เห็นสีแล้วไม่กล้ากิน 
คนไต้หวันเอง เค้าบอกว่า กินเยอะแล้วไม่ค่อยดี
เค้าบอกว่ารสชาติ เหมือนไข่พะโล้  ที่เรียกว่า ไข่เหล็ก ก็เพราะว่าเนื้อค่อนข้างเหนียว
เพราะถูกเคี่ยวจนกลายเป็นสีดำ เท่าที่เห็นก็จะมีที่เป็นไข่ไก่ แล้วก็ไข่นกกระทาค่ะ
อันนี้ก็เลยไม่ได้ซื้อมาค่ะ…ดูแล้วไม่ค่อยน่ากิน
เดินไปเรื่อยๆ สะดุดตากับร้าน Naraya
โอ้..มาถึงที่นี่เลยทีเดียว แต่ส้มเดินที่ไต้หวัน เห็นผู้หญิงหลายคน
สะพายกระเป๋า naraya เยอะเลยนะคะ
ภูมิใจกับสินค้าไทยจริงๆ ^_^ 
พอเดินเล่นที่นี่ไปซักพัก ก็ไปสะดุดกับร้านขายพายสับปะรด Hello Kitty
ซึ่งจริงๆแล้ว พายสับปะรดนั้นเป็นของฝากที่ขึ้นชื่ีอของไต้หวันเลยค่ะ
แต่ต้องเป็นยี่ห้อ ChiaTe เท่านั้นนะคะ ที่จะอร่อยที่สุด
และเป็นเบอร์ 1 ของไต้หวันเลย ไม่มีสาขาที่ไหน
แต่มาเดินย่าน Tumsui นี้แล้วเห็นคิตตี้ไม่ได้
ก็เลยอดไม่ได้ที่จะซื้อมาค่ะ กล่องนึง 120 บาท
ตกชิ้นละ 40 บาทแน่ะ แพง แถมยังไม่อร่อยอีก เฮ้อ….
ซื้อเพราะคิตตีี้อย่างเดียวเลย ^_^ 
หลังจากเดินเล่นที่นี่ ก็นั่งรถ MRT ย้อนกลับไปอีกประมาณเกือบ 10 สถานี
ก็ถึงสถานี Shilin เป็นย่านที่มี ตลาดนัดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน
ชื่อ Shilin (ชี่หลิน) นั่นเอง 
มาถึงนี่ พากันหาของกินก่อนเลยเพราะเริ่มหิวแล้ว
ต้องมาแวะร้านขายไก่ทอดร้านนี้ค่ะ
อร่อยมาก ไก่ทอดชิ้นใหญ่ประมาณ 2 มือได
เค้าเอาไปทุบๆให้เนื้อไก่นิ่มแล้วก็เอาไปชุบเกล็ดขนมปัง
และคงปรุงรสอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วก็ลงทอด
กินร้อนๆ .. อร่อยสุดๆ…ชิ้นละ 55 บาทเท่านั้น
กิน 2 คนอิ่มพอดีเลยค่ะ 
แล้วก็เดินหาของกินไปเรื่อยๆ และก็ลองซื้อเจ้านี่มาค่ะ
คล้ายๆซาลาเปา ก็อร่อยดีนะคะ แต่ไม่รู้เรียกอะไร
คนที่นี่ก็ไม่พูดอังกฤษกัน  ซื้อของอะไรก้ ภาษาใบ้เอาเลย
ไต้หวันนี่ขึ้นชื่อเลยว่า รองเท้าผ้าใบ ถูกมากๆ
ไม่ว่าจะเป็น Onitsuga Tiger, New Balance, NIke, Adidas, Vans
อย่างของ Vans เอง ลดราคาถูกมากๆ มีเวอร์ชั่น Hello Kitty ด้วย
แต่ก็ไม่ได้ซื้อมาค่ะ ดูแล้วเด็กไป
ที่ไต้หวันนี่ เวลาเค้าลดราคา
เค้าจะไม่ติดป้ายว่าลดเป็นกี่ % นะคะ
แต่เค้าจะแปะตัวเลขเอาไว้หน้าร้าน หรือ ตรงสินค้า
อย่างเช่นรูปด้านล่างนี้ แปะเลข 6 นั่นแปลว่า ราคาคือ 60% จากราคาเต็ม
ซึ่งก็หมายความว่าลด 40% จากราคาเต็มนั่นเอง 
ก็ไม่รู้ทำไม ต้องทำให้มันยากด้วยน๊า 

ชมบรรยากาศตลาดไน้ท์มาร์เก็ต Shilin (ชี่หลิน)

และสถานทีต่อไปที่จะพาไปดูก็คือ Barbie Cafe
 จริงๆแล้วตั้งใจจะไป Hello Kitty Cafe 
แต่มันดันปิด หน้าร้านเค้าก็มีแปะเอาไว้ว่า แนะนำให้ไปร้าน Barbie Cafe
ก็เดินไปใกล้ๆแป้บเดียวก็ถึงค่ะ
อันนี้คือ หน้าร้าน ชมพู๊ ชมพู 
เราไปโดยไม่ได้จองล่วงหน้า โชคดีที่มีโต๊ะว่างอยู่
เค้าจะให้สั่งขั้นต่ำคนละ 300 บาท แล้วจะนั่งนานแค่ไหนก็ได้
ก็เลยสั่ง  Strawberry Mouuse Cake กับ Chocolate Cake มาลองทาน
จะบอกว่า Strawberry Mouuse Cake อร่อยมากๆ
ข้างในมีกล้วยหอมกับวานิลาเจลลี่ด้วย หอมอร่อย ชิ้นนึงประมาณ 180 บาท
ส่วนเค้กช๊อกโกแล็ต ขมไปหน่อย แต่ถ้าใครชอบกิน dark chocolate อาจจะชอบค่ะ
ภายในร้านตรงนี้ จะเป็นโซนสำหรับจัดปาร์ตี้ค่ะ เป็นห้องใหญ่เลย
รองรับได้ประมาณ 30-50 คนเลยทีเดียว น่ารักมากๆๆๆ
ด้านหน้าก็มีเค้กให้เลือกหลากหลายค่ะ ทุกอย่างเป็นบาร์บี้หมด
ส้มชอบ Hello Kitty ก็เลยเฉยๆ
แต่ก็ชอบตรงที่มันสีชมพูทั้งร้านเนี่ยแหละค่ะหวานแหววสุดๆ
ดูบรรยากาศร้านจากวีดีโอนี้ได้ค่ะ 
จากนั้นไปดู สยามสแควร์ของไต้หวัน
นั่นก็คือ Ximending หรือ ซีเหมินติง นั่นเองค่ะ
ย่านนี้วัยรุ่นเยอะมากๆ โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา
พอเลิกเรียนมาปั้บ คนเพียบเลย 
ถ้าใครเคยไปเมียงดง ที่เกาหลี บอกเลยว่า คล้ายกันมาก
แต่ที่นี่ใหญ่กว่าเยอะเลยค่ะ 
ที่นี่ร้านอาหารเยอะดีนะคะ แต่ก็ไม่รู้จะเลือกทานร้านไหน
แต่มาเห็นร้าน Risotto นี้ เค้าบอกว่า จะมีไอค่อนหลักคือหมาเซนต์เบอร์นาร์ด
อยู่ประจำที่ร้านทุกสาขา
ก็เลยลองขอเข้าไปชิมซักหน่อย 
ก็เลยสั่ง Risotto Tomato มาลอง… อืม..ไม่อร่อยเลยค่ะ
ข้าวควรจะเป็นข้าวอิตาลี ที่เอาไว้ทำ Risotto จะได้อารมณ์กว่าเยอะ
แต่ก็นะ..โอเคพอทานได้ค่ะ แต่ครั้งหน้าไปคงไม่เอาอีกละ
มาทานเพราะเจ้าหมาตัวเดียวเลย ^_^
วันต่อมาก็ได้มีโอกาสได้ไปวัดหลงซาน หรือ วัดเขามังกรนั่นเอง
ขอเล่าประวัติให้ฟังคร่าวๆของวัดนี้นะคะ
วัดหลงซันตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน MRT สถานีหลงซัน
ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1738 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
วัดหลงซันซื่อถูกทิ้งระเบิดจนพระอุโบสถได้รับความเสียหายยับเยิน
แต่ปรากฏว่า “พระโพธิสัตว์กวนอิม”
ที่สถิตอยู่ด้านในนั้นกลับไม่ได้รับความเสียหายเลย
ยิ่งทำให้ผู้คนเลื่อมใสพากันมากราบไหว้มากขึ้นๆในทุกวัน
นอกจากจะมี “พระโพธิสัตว์กวนอิม” เป็นพระประธานหลักแล้ว
ด้านหลังของพระอุโบสถยังมีเทพเจ้าต่างๆของลัทธิเต๋าอีกนับหลายสิบองค์
มีผู้กล่าวไว้ว่าวัดหลงซันซื่อเป็นที่รวมเทพเจ้าองค์ต่างๆไว้มากที่สุดแห่ง
หนึ่งของไต้หวัน และปัจจุบันเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงไทเป
วัดนี้ที่มีเจ้าแม่กวนอิมอยู่ซึ่งท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความสงบสุขของศาสนาพุทธ
ด้านหลังทะเลนั้นมีหม่าจู่ (หมาโจ้ว) (Mazu) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งทะเลของลัทธิเต๋า
สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ประกอบด้วยเทพเจ้าสำคัญหลายองค์
โครงสร้างของอาคารนั้นประกอบไปด้วยเสาสำริดหล่อเป็นรูปมังกร
ถึงแม้ว่าจะมีระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีการก่อสร้างใหม่หลายครั้ง

วัดแห่งนี้ก็ยังคงเป็นวัดตัวอย่างที่มีรูปแบบสถาปัตยการรมแบบดั้งเดิม 

วัดหลงซัน เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 240 ปี ด้านในประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิม

เป็นวัดที่ชาวไทเปนิยมมากราบไหว้สักการะมากที่สุดวัดหนึ่ง
ส่วนตัวส้มเอง นับถือเจ้าแม่กวนอิมตั้งแต่เด็ก ไม่ทานเนื้อวัวเลย
และที่นับถือและศรัทธามากๆ เพราะเคยได้สัมผัสกับความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่กวนอิม
ได้เห็นกับตัวเอง จึงยิ่งทำให้ศรัทธามากๆ
และการมาที่วัดนี้ ถือว่าเป็นบุญกับตัวเองมากๆค่ะ
ยิ่งได้ไปไหว้ ได้ไปสวดมนต์ต่อหน้าท่าน ขนลุกบอกไม่ถูก
กลับมาไทย ยังรู้สึกเลยว่า ชีวิตเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
อะไรที่ยากๆ กลับง่าย อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ ไม่ได้คาดหวัง กลับได้มาอย่างอัศจรรย์
อันนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ ใครที่นับถือก็ลองหาโอกาสไปสักการะสักหนค่ะ
และสิ่งหนึ่งที่เห็นและประทับใจก็คือ  ดอกไม้ที่เค้าจัดวางมาไหว้เนี่ยแหละค่ะ
มีดอกจำปี ดอกกล้วยไม้ นำมาเรียงใส่จานเอาไว้อย่างสวยงาม
มองไปมองมาคล้ายดอกบัวเลยค่ะ ชอบมากๆ
เห็นแล้วก็นึกถึงดอกไม้ที่เรานำมาบูชาพระ ถ้าทำแบบนี้ก็ดูสวยไปอีกแบบค่ะ
หลังจากที่อยู่มา 4-5 วัน
บอกได้เลยว่า ร้านที่เข้าบ่อยสุดคือ Watson และ 7-11
เพราะของช้อปปิ้งเยอะมากๆ โดยเฉพาะเครืองสำอางค์และมาสก์ต่างๆ
เอาล่ะ…เดี๋ยวเอามาให้ดูทีละอย่างละกันนะคะว่า
อยู่ไต้หวัน ส้มไปช้อปอะไรมาบ้าง
เริ่มจากอย่างแรกเลย… ถุงน่องและถุงเท้าคิตตี้
อันนี้ซื้อมาจากตลาดไน้ท์มาร์เก็ต Shilin
ราคาถูกมาก เฉลี่ย 100-150 บาทต่อคู่ก็เลยสอยมาหลายชิ้นหน่อย 
(ถ้าไปย่านอื่นจะราคาแพงขึ้นประมาณ คู่ละ 190 บาทค่ะ)
ส่วนอันนี้ได้มากจากย่านช้อปปิ้งแถวตึกไทเป 101
พอดีร้าน ETUDE HOUSE ลดราคา 30% อยู่
เลยรีบเข้าไปดูและก็สอยมาเท่าที่เห็นในรูปด้านล่าง
ที่ไต้หวันนี่ ซื้อของนิดเดียวให้ของแถมเป็นชิ้นใหญ่ๆเยอะเลย
ไม่เหมือนเกาหลี ทีจะให้เป็นเทสเตอร์มาเยอะๆ
ก็เลยชอบแบบนี้มากกว่า ได้ของไซส์ใหญ่มาหลายชิ้นเลย
ส่วนราคาถูกกว่าช้อปในบ้านเรา แต่จะแพงกว่าพรีออเดอร์ค่ะ
 ส้มเทียบราคาจากที่ลดแล้ว 30%
จะพอๆกับ ราคาเรทพรีออเดอร์ที่เกาหลีที่ 0.032 ค่ะ
ซื้อก็ไม่ได้เยอะนะ แต่พนักงานแนะนำให้ทำบัตร VIP ด้วย ก็เลยทำไปเลย
เพราะไม่ได้เสียเงิน…เผื่อปีหน้าได้มาอีกรอบจะได้เอามาซื้อ ^_^ 
และของฝากที่ต้องซื้อกลับ ก็คือพายสับปะรด ยี่ห้อ ChiaTe ค่ะ
ยี่ห้อนี้เป็นอันดับหนึ่งของไต้หวัน ได้รางวัลมาเยอะแยะมากมาย
มีขายที่ร้านเค้าที่เดียว บนถนนอะไรไม่รู้จำไม่ได้
ลองเข้าไปดูในเวปได้ค่ะ http://www.chiate88.com/
ราคาพายสับปะรดจะอยู่ที่ประมาณ 27 บาทค่ะ
แต่ถ้าเป็นรสอื่น อย่าง เชอรี่ สตรอเบอรี่ ลำไย ก็ประมาณ 32 บาทต่อชิ้นค่ะ 
หน้าตาจะเป็นแบบนี้ค่ะ
แกะซองออกมา จะเป็นแป้งพายร่วนๆหน่อย แต่ไม่ร่วนมาก
ไส้สับปะรดจะกวนมาอย่างละเอียด ไม่หวานมากเกินไป
กินแล้วอร่อยกว่ายี่ห้ออื่นจริงๆค่ะ เลยซื้อแต่ยี่ห้อนี้
เวลาแฟนส้มมาไต้หวันก็จะมาแวะซื้อร้านนี้มาฝากตลอด
คราวนี้ได้มาที่ร้านเอง โอ้โห ทัวร์เกาหลีลงเพียบเลย ร้านก็เล็กๆเอง
และนี่คือของที่ได้มาจากร้าน Watsons ค่ะ
ส้มเองก็ไม่ได้ซื้อเยอะมาก
พอดีว่า MISSHA เค้าร่วมกับ Hello Kitty
ทำ Collection พิเศษ ที่มีขายเฉพาะในไต้หวัน
ส้มก็เลยซื้อมาเลย อดไม่ได้จริงๆ และส้มก็รีวิวเอาไว้แล้ว อ่านได้ที่นี่ค่ะ Click
แล้วก็จะมีพวกกันแดด Neutrogena แบบสเปรย์ที่พึ่งออกใหม่
อายแชโดว์ของ Integrate แบรนด์ลูก Shiseido
และก็ Perfect Whip ราคาแค่ 110 บาท 
และที่ขาดไม่ได้ในการไปครั้งนี้ คือ มาสก์หน้า ทั้งหลายแหล่
ใน 7-11 จะมี My Beauty Diary ขายอยู่ค่ะ
เค้าจะขายเป็นกล่อง กล่องละ 10 แผ่น ราคากล่องละ 219 บาท
ก็เลยเหมามา 6 กล่อง แล้วก็ซื้อมาสก์ใต้ตาของ My Beauty Diary อีกเช่นกัน
ซื้อมา 3 แพคแต่อันนี้ซื้อที่ร้าน SASA ค่ะ ราคาประมาณ 100 บาทมั้งนะคะถ้าจำไม่ผิด
ส่วนมาสก์อื่นๆที่เห็น จะซื้อที่ร้าน Watsons ค่ะ
มีหลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Beauty Buffet กล่องใหญ่สีชมพูด้านขวามือ
มี 30 แผ่น ราคาจำไม่ได้แน่นอน (คร่าวๆ 490 บาท)
แล้วก็มีของยี่ห้อ Hello Kitty, Valentino Ruby
(อันนี้งงมาก นอกจากทำเสื้อแล้ว ทำมาสก์หน้าด้วย)
อีกยี่ห้อนึงไม่รู้อะไร เป็นภาษาจีน แต่พนักงานบอกว่า ได้ออกทีวีที่ไต้หวันด้วย
ก็เลยซื้อมา สังเกตกล่องสีชมน้ำเงิน ที่มีดาวอยู่บนกล่อง อันนั้นแหละค่ะ 
ราคากล่องละ 190 บาท
ให้ดูว่าของเค้าเยอะจริงๆในร้าน วัตสันที่นั่น
แต่บอกก่อนนะคะว่า แอบถ่ายมา
ก็เลยจะดูรีบๆหน่อย ^_^
และสุดท้ายที่สอยมาก่อนกลับก็คือ Lays รส ต้มยำกุ้ง
ส้มไปซื้อมากินวันแรกที่ 7-11 เห็นแล้วตกใจ มีคำว่าอร่อยอยู่หน้าซองด้วย
เลยลองซื้อกลับมากิน ซองนึงก่อน ปรากฏว่า…เฮ้ย..อร่อยสมคำโฆษณาจริงๆ
ก่อนกลับเลยซื้อกลับไทยอีก  3 ห่อ
แต่แอบแปลกใจ ว่าทำไมบ้านเราไม่มี ทั้งๆที่มันเป็นรสชาดที่บ้านเราเป็นต้นตำรับนะ
ใครรู้จักบริษัท Lay’s ในประเทศไทย..รบกวนขอร้อง เอารสนี้เข้ามาขายบ้านเราเหอะ
มันอร่อยจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ชอบมากๆๆๆๆๆๆ 

และล่าสุด ที่ไปมาเมื่อมิย. 2014 ส้มได้ไปช้อป OGUMA ที่อยู่ตรงถนน Zhongxiao Fuxing

ฝั่งตรงข้ามห้าง SOLO เพื่อไปซื้อน้ำแร่ และ มาสก์หน้า ซึ่งเค้าจะจัดโปรโมชั่นเอาไว้เยอะมาก เลยเหมามาหมดนี่เลย

และเพื่อเป็นข้อมูลเผื่อใครอยากจะไปบ้าง ลองคลิกที่รูปด้านล่างนี้ได้เลยจ้ะ ส้มบอกวิธีการเดินทางให้เรียบร้อยละจ้า

(ปล.ช่วงที่ไปเค้ามีขวด limited edition เป็น Hello Kitty พอดี เลยไปซื้อมาอย่างที่เห็นเนี่ยอ่ะค่ะ บ้ามากๆๆๆ)

1411220149

ก่อนจะจบรีวิวนี้
ส้มเอาคลิปวีดีโอที่ตัดต่อมาให้ได้ดูกันค่ะ
เผื่อเป็นข้อมูลให้คนที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวไต้หวันได้ดูนะคะ

ทัวร์ไต้หวัน 2013


ทัวร์ไต้หวัน 2014 

 ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านรีวิวนี้ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้านะคะ

 

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Prev Post Next Post