LUX Fragrance Summit 2016 เล่าประสบการณ์ไปทริปกับ LUX ที่ฝรั่งเศส #LUXAmbassador
ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2016 ที่ผ่านมา ส้มได้รับอีเมล์จากทาง LUX
เพื่อเชิญให้ส้มมาเป็น Brand Ambassador ของ LUX ในกลุ่มของ LUX Global Influencer ปีนี้
ซึ่งเค้าได้คัดเลือก 12 คนจากทั่วโลก เพื่อเป็นตัวแทนในการโปรโมท LUX ตัวใหม่ให้เป็นที่รู้จัก
ซึ่งเป็นปีแรกที่ทาง LUX Global ได้จัดทริปนี้ขึ้นมา
จะบอกว่า ดีใจมาก ๆ และดีใจและเซอร์ไพร้ส์ขั้นสุดก็ตอน ได้ไปร่วมทริปฝรั่งเศส
และได้มีโอกาสเจอ blogger คนอื่น ๆ นี่แหละค่ะ
ซึ่งในทริปนี้ น่าเสียดายที่ อีกคนนึงมาไม่ได้เนื่องจากขอวีซ่าไม่ทัน ก็เลยมีทั้งหมด 11 คน
ซึ่งมีทั้งประเทศไทย , สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อียิปต์, อินเดีย และ อินโดนีเซีย
และในทริปนี้ กิจกรรมหลัก ๆ จะมีด้วยกัน 4 วันค่ะ
Day 1 : วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2559
เป็นวันเดินทางของทุกคนจากแต่ละประเทศ ดังนั้น ไฟล้ท์แต่ละคนกว่าจะลงเครื่องมานั้น ก็จะเวลาไม่ตรงกัน
อย่างส้มเองไปถึงก็ประมาณ 10 โมงเช้า ก็เลยเข้าที่พัก ที่โรงแรม Hotel Bachaumont
เป็นโรงแรมบูทิคสไตล์ฝรั่งเศสที่น่ารักมาก ๆ และเข้าไปในห้องพัก สิ่งที่เจอก็คือ
ช่อดอกไม้สีม่วง สบู่อาบน้ำ LUX Magical Spell ถุงมืออาบน้ำสีม่วง ชุดคลุมอาบน้ำผ้าซาตินสีม่วง
และที่ขาดไม่ได้ เมื่อมาถึงฝรั่งเศสก็คือ ขนมมาการอง ของ Laduree นั่นเองค่ะ
ทุกอย่างคือ เตรียมเอาไว้อย่างน่ารักมาก ๆ ประทับใจตั้งแต่เข้าห้องพักเลยทีเดียว
ส้มเองก็ไม่ค่อยเห่อเท่าไหร่ อาบน้ำก่อนเลยจ้า เดี๋ยวไม่รู้ว่ามาทริป กับ LUX
อาบแบบเต็มที่ กลิ่นสบู่หอมฟุ้งทั่วห้อง ฮ่าๆๆ
ซึ่งในคลิปด้านล่างนี้ ส้มก็พาทัวร์ห้องพักที่โรงแรมนี้
พร้อมกับเปิดกล่อง Welcome gift ให้ได้ดูด้วยลองคลิกไปดูกันเลยจ้า
และพอทุกคนเดินทางมาครบแล้ว งานแรกของค่ำคืนนี้ ก็คือ การไปดินเนอร์ที่ร้านอาหาร
Maison Blanche ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ดีมาก ๆ ทำเลที่ตั้งก็เหมาะมาก ๆ ในการชมวิวทั้งกลางวันและยามค่ำคืน
มองจากระเบียงร้านอาหาร จะเห็น หอไอเฟลเลยค่ะ ซึ่งตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม (ทุก ๆ ชั่วโมง)
ที่หอไอเฟลจะมีการเปิดไฟระยิบระยับ สวยมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ ออกมายืนดูวิว คือ อะไรจะโรแมนติกขนาดนี้
อาหารก็อร่อยมาก ๆ เช่นกันค่ะ และเป็นคืนแรก ที่เหมือนกับเป็น Welcome Dinner ที่ทาง LUX ได้เตรียมเอาไว้ให้พวกเรา
เป็นคืนที่แต่ละคนได้ทำความรู้จักกัน กินข้าวเม้ามอยสนุกสนาน
อาหารฝรั่งเศส ก็มักจะเริ่มจาก Appetizer, Main Course และตามด้วย Dessert เป็นแบบนี้ทุกมื้อเลยค่ะ
แล้วที่นี่นะ กว่าพระอาทิตย์จะตกดินก็ 21:30น. คือดึกแล้วยังไม่มืดเลย
คนที่นี่ จะเริ่มอาหารเย็นตอน 2 ทุ่ม ดังนั้น กว่าจะทานเสร็จก็จะประมาณ 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน
(อันนี้แล้วแต่ระยะเวลาในการคุยกันบนโต๊ะอาหารนะคะ ฮ่าๆๆๆๆ )
แต่อาหารที่ร้านนี้อร่อยจริง ๆ ค่ะ ส้มทานหมดเกลี้ยงทุกสิ่งอย่าง
Day 2: วันพฤหัสบดี ที่ 4 สิงหาคม 2559
วันนี้เป็นวันที่พวกเราจะได้เริ่มทำกิจกรรมร่วมกับทาง LUX วันแรกเลย
โดยที่หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว พวกเราทั้งหมดก็ได้เดินทางไปยัง
Givaudan Perfume House
ซึ่งเป็น บริษัทผู้นำในการปรุงน้ำหอมของโลก คือจะบอกว่า น้ำหอมกว่า 90% ที่พวกเราใช้กันอยู่
มาจากที่นี่ทั้งนั้นค่ะ ซึ่งในแต่ละปี ที่นี่จะรับสมัครนักเรียนที่จะมาเป็น Perfumer จำนวนกว่า 2000 คน
แต่คนที่จะผ่านการคัดเลือกให้เข้ามาศึกษาต่อในหลักสูตรนี้ ในแต่ละปีคือน้อยมาก ๆ
สำหรับปีนี้ มีเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นที่ผ่านการคัดเลือก นับว่า ต้องจมูกดีมากๆๆๆๆๆค่ะ
เพราะอะไรทราบไหมคะ…. น้ำหอมในแต่ละขวดที่พวกเราใช้กัน
มีส่วนผสมที่เป็นวัตถุดิบหลักไม่ต่ำกว่า 20 ชนิด และมากสุดคือประมาณ 100
นักเรียนเหล่านี้ จะต้องแยกแยะออกมาให้ได้ว่า ในน้ำหอมขวดนึง มีกลิ่นอะไรบ้าง และแต่ละกลิ่นมาจากที่ไหน
โอ้ว…..คือ จมูกต้องดีมากกกกกกกกก และแน่นอนค่ะ ต้องผ่านการฝึกฝนมานับไม่ถ้วน ถึงจะแยกแยะได้ขนาดนี้
และหลังจากนั้น ส้มก็ได้เข้ามา workshop ทำความเข้าใจกับน้ำหอมมากยิ่งขึ้น
ตั้งแต่การรับรู้กลิ่นของระบบร่างกายเรา ว่ามาจากส่วนไหนบ้าง
และน้ำหอม สามารถแยกแยะกลิ่นออกเป็นกลิ่นอะไรบ้างหลัก ๆ
ซึ่งกลิ่นของน้ำหอมนั้น จะถูกจำแนกออกมาเป็น 6 กลุ่มหลัก ๆ คือ
Floral, Citrus, Fruity, Woody, Oriental และ Chypre
และยังได้ทำความเข้าใจกับตลาดน้ำหอม เทรนด์ กลิ่น ดีไซน์แพคเกจจิ้ง
และ อื่น ๆ อีกมากมาย ได้ความรู้เยอะจริง ๆ ค่ะ
และแน่นอนค่ะ เค้าก็ให้เราลองดมกลิ่น และ ทายดูว่า เป็นกลิ่นอะไรเป็นหลัก
เรียกได้ว่า ดมจนจมูกด้านไปเลย ฮ่าๆๆๆๆ แต่สนุกมากค่ะ
จากที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับน้ำหอมมาพอประมาณแล้ว
ทาง LUX เองเค้าก็จะมีบททดสอบให้พวกเรา influencers ทั้งหมดมาทำกิจกรรมร่วมกัน
โดยโจทย์ก็คือ น้ำหอมที่อยู่สบู่ LUX Magical Spell ที่เค้าให้เราได้ไปลองอาบน้ำกันก่อนนั่นเอง
ซึ่งในการผลิตน้ำหอมนั้น จะถูกผสมขึ้นมาด้วย 3 กลิ่นหลัก ๆ ค่ะ
ส่วนที่ 1 ก็คือ Top Notes ซึ่งจะเป็นกลิ่นแรกที่เราสัมผัสได้ตั้งแต่เปิดฝาออกมา
ส่วนที่ 2 ก็คือ Heart / Middle Notes ซึ่งจะเป็นกลิ่นที่เราจะได้กลิ่นประมาณ 2 นาทีหลังจากดมครั้งแรก
บางทีอาจจะได้กลิ่นอีกทีหลังจากนั้นประมาณชั่วโมงค่ะ
ส่วนที่ 3 ก็คือ Base / Bottom Notes ซึ่งจะเป็นกลิ่นที่ถูกผสมกับกลิ่น Middle Notes ซึ่งจะเป็นกลิ่นหลักของน้ำหอมขวดนั้น ๆ
เราจะรู้สึกและสัมผัสถึงกลิ่นนี้ได้ประมาณ 30 นาทีหลังจากฉีดน้ำหอมนี้ลงบนตัว
และจะบอกว่า ไม่มีใครสามารถผสมกลิ่นให้ออกมาเป็นกลิ่น LUX Magical Spell ได้เลยค่ะ ฮ่าๆๆ
โอ้โห…มันยากมากกกกกกกกกก ส้มพยายามผสมแล้วผสมอีก ก็ยังไม่ได้ ยอมเลยจริงๆ
แต่เค้าก็ให้น้ำหอมที่เราผสมกลับมาด้วย แหม…ไม่อยากจะคุย….กลิ่นที่ส้มผสมมานี่ หอมนะคะ คริคริ
และก่อนที่จะกลับ ทาง Perfumer คนนี้ หรือนักปรุงน้ำหอม ที่คร่ำหวอดในวงการน้ำหอมไม่ต่ำกว่า 40 ปี
ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังการออกแบบกลิ่นน้ำหอมให้แบรนด์ดัง ๆ ผู้นี้นั้น
ก็ได้ทำเซอร์ไพร้ส์พวกเราทุกคน รวมไปถึงทีมงานด้วย การมอบน้ำหอม ที่เหมาะกับบุคลิกแต่ละคน
ซึ่งเค้าไม่เคยรู้จักพวกเรามาก่อน แต่เค้าดูแค่ รูปภาพ และ ประเทศที่เราอยู่
เค้าสามารถวิเคราะห์และเลือกน้ำหอมที่เหมาะกับคน ๆ นั้น ได้เลย
ส้มแบบอึ้งมากตอนเปิดถุงออกมา เจอ เขียนว่า Miss Dior คือ ส้มนั่งอยู่ข้าง ๆ เค้า
ส้มรีบถามเลยว่า คุณรู้ได้ไง เค้าบอกมาสั้น ๆ ว่า ” รู้ละกันน่า ” แล้วก็อมยิ้ม
คือส้มแบบดีใจ และ อึ้งมากจริง ๆ เลยขอถ่ายรูปด้วยเลยค่ะ
(และจะบอกว่า น้ำหอม Miss Dior ที่ส้มได้มาขวดนี้ กลิ่นติดทนกว่า Miss Dior ที่ส้มซื้อมาใช้เองอีกค่ะ ดีใจมาก)
เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ สำหรับ Workshop ที่ Givaudan วันนี้ มีความสุขมาก
ก่อนกลับโรงแรม ก็ทานดอกไม้เป็นของว่าง คริคริ ไม่ได้พูดเล่นนะ ดอกไม้ที่เห็นในรูป วางอยู่บนขนมต่าง ๆ คือกินได้จริงๆ
ดอกไม้แต่ละดอกจะมีรสชาดที่แตกต่างกันไปด้วย แหมมาถึงที่แหล่งน้ำหอมก็ต้องกินวัตถุดิบที่ทำน้ำหอมสิเนอะ
จะได้หอมจากภายในออกมาภายนอก เย้ย…ไม่ใช่ ฮ่าๆๆๆๆๆ
แต่จะบอกว่าส้มนี่กินเบอร์รี่ไปเยอะมาก ถาดผลไม้นั่นคือฟินสุด ๆ ของส้มละ
และส้มได้มีถ่ายวีดีโอบรรยากาศของการไป workshop ที่ Givaudan มาให้ได้ดูสั้น ๆ ในคลิปด้านล่างนี้เลยค่ะ
และพอเสร็จจาก workshop กลับมาถึงห้องพักที่โรงแรม ก็มีสบู่ LUX พร้อมกับฟองน้ำขัดตัว และ ผ้าขนหนูเล็ก ๆ
เอาไว้ให้เรียบร้อยเลย คือทริปนี้เนี่ย เค้าใส่ใจในทุกรายละเอียดจริง ๆ ได้ใช้สบู่เปลี่ยนไปวันละขวดเลย
Day 3: วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2559
วันนี้พวกเราออกเดินทางจาก Paris ไปยังเมือง Nice กันแต่เช้าโดยเครื่องบิน Air France ค่ะ
ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็ถึงเมือง Nice แล้วค่ะ
เมือง Nice เป็นเมืองทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองท่าสำคัญอีกเมืองหนึ่งริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ที่ถูกขนานนามว่า French Riviera เป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันค่ะ
ดูสีน้ำทะเลสิคะ คือมันเขียวแบบสี Turquoise เลย สวยมากกกกกกกกกกกกกกก
เพราะทะเลบ้านเราจะไม่ใช่สีฟ้าอมเขียวแบบนี้ สวยกว่าในรูปที่เห็นนี้มาก ๆๆๆๆ
พอมาถึงทางทีมงานก็พาเราไปทานอาหารเที่ยงที่ร้าน Belles Rives
ซึ่งเป็นร้านอาหารริมชายทะเล ทานข้าวไปดูวิวไป คลื่นก็ซัดเข้ามาเบา ๆ อะไรจะ slow life ขนาดนี้
อาหารเค้าอร่อยทุกอย่างเลย แต่กินไม่หมดเลยค่ะ เพราะมันเยอะมากกกกกกก
ส้มอิ่มตั้งแต่ Risotto ละ (นั่นคือ appetizer นะคะ) จานใหญ่บึ้ม
พอทานเสร็จก็ออกไปตรงท่าเรือ ยืนถ่ายรูปสวย ๆ ซะหน่อย
จากนั้น พวกเราทั้งหมดก็เดินทางไปที่โรงแรม Novotel Café Sophia Antipolis
พอเข้าไปในห้องพัก เราก็จะได้ Welcome Gift อีกแล้วค่ะ
แต่วันนี้ได้เป็น LUX Plush Collection ขวดสีม่วง ซึ่งจะเป็นสบู่โฟมมูสซึ่งส้มชอบมากที่สุดเลย
กลิ่นมันหอมแบบ luxurious มาก ๆ แล้วก็มาพร้อมกับสบู่ก้อน LUX
บอกแล้วว่า…ทริปนี้คือ ได้อาบน้ำเปลี่ยนกลิ่นใหม่ทุกวัน ฟินมากกกกกกก
ยิ่งได้ไป workshop น้ำหอมมานะ ส้มอินกับกลิ่นต่าง ๆ มากกว่าเดิมอีก
จากนั้นก็เดินทางไปยังเมืองต้นกำเนิดน้ำหอม ซึ่งก็คือ เมือง GRASSE นั่นเองค่ะ
เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองหลวงแห่งน้ำหอมโลกก็ว่าได้ค่ะ คือ ที่นี่เค้าผลิตน้ำหอมกันตั้งแต่ ศตวรรษที่ 17
โดยตามตำนานเล่าว่า Catherine de Medicis พระมเหสีในพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศส
เป็นผู้ริเริ่มการทำน้ำหอมในเมืองนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วเมืองนี้แต่เดิม ไม่ได้ปลูกพืชพรรณหรือดอกไม้มาทำน้ำหอมนะคะ
แต่มีชื่อเสียงมาจากการฟอกหนังค่ะ ซึ่งพระนางเอกก็ทรงโปรดให้มีถุงมืออบน้ำหอม
ก็เลยทำให้มีการปลูกดอกไม้หลากหลายชนิดในเมืองนี้
ไม่ว่าจะเป็น ดอกลาเวนเดอร์ มะลิ กุหลาบ เพื่อที่จะได้กลั่นออกมาเป็นน้ำหอมนั่นเอง
จากนั้น ส้มก็ได้เดินทัวร์เมืองเก่าแก่แห่งนี้ค่ะ ซึ่งบ้านเมืองน่ารักมาก ๆ มีร้านขายดอกไม้แห้ง น้ำหอม เต็มไปหมดเลย
ส้มชอบบ้านเมืองฝรั่งเศสมากเลย ตามระเบียง หรือ หน้าต่าง
จะต้องมีดอกไม้ประดับประดา น่ารักสุดๆ
อย่างที่เมือง Grasse นี้ เค้าก็จะมีการเอาดอกไม้มาห้อยที่หน้าต่างด้วย น่ารักจัง
ก่อนกลับก็เลย แชะ แชะ แชะ ถ่ายรูปด้วยกันซะหน่อย ^^
ส้มได้ถ่ายวีดีโอเอาบรรยากาศตั้งแต่ตอนเครื่องบินแล่นลงสนามบิน
จนมาถึงเดินเล่นที่เมืองเก่าแก่ของ Grasse และพาทัวร์ห้องพักที่โรงแรมโนโวเทลเอาไว้ในคลิปนี้แล้ว
ลองไปดูกันในคลิปวีดีโอด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
พอตกเย็น ก็เดินทางไปทานอาหารที่ร้าน Lou Fassum Restaurant
เป็นร้านอาหารที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเมือง Grasse นี้เลยค่ะ
พวกเราก็ทานอาหารค่ำพร้อมชมวิวนี้ไปด้วย ฟินนนนนนนนน
และนี่คือ สไตล์ฝรั่งเศสสุดๆ ที่เห็นในขวดสีน้ำตาล ๆ นั้นก็คือ Black Olive Paste ค่ะ
เป็นอารมณ์แบบของกินเล่นค่ะ เอาไว้ป้ายกินกับขนมปังแข็ง สีมันจะเหมือนกะปิเลย
รสชาดจะออกเค็ม ๆ นิดๆ ค่ะ แต่มันอร่อยมากกกกก
ที่เห็นในรูปด้านล่างนี้ กินกันเพลินจนต้องเรียกพนักงานมาเสริ์ฟเพิ่ม อร่อยจริงๆค่ะ
เห็นทางทีมงาน บอกว่า Black Olive Paste ต้องมากินที่เมือง Grasse จะอร่อยที่สุด
และก็จบไปแบบอิ่มหมีพีมันกับร้านอาหารในค่ำคืนนี้ เสียดายมันมืดค่ะ
เพราะนั่งทาน outdoor เลยไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาให้ดูเพิ่ม
Day 4 : วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม 2559
วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้ทำกิจกรรมกับทาง LUX
เริ่มต้นวันด้วยการไปทัวร์พิพิธภัณฑ์น้ำหอมที่ Musee International De La Parfumerie
ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1989 ที่นี่นับว่าเป็นอู่ทองของเครื่องหอมชั้นนำที่ฝรั่งเศสเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ขึ้น
เป็นพิพิธภัณฑ์น้ำหอมและเครื่องหอมแห่งเดียวในโลก
และยังเป็นองค์กรสาธารณะที่ขึ้นทะเบียนเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอีกด้วยค่ะ
พิพิธภัณฑ์นี้เป็นที่เก็บหลักฐาน ประวัติความเป็นมาของน้ำหอมตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน
รวมไปถึงประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมในการใช้เครื่องหอม รวมไปถึงวัตถุดิบต่าง ๆ ที่นำมาใช้เป็นสารหอมต่าง ๆ
ซึ่งส้มได้ถ่ายคลิปวีดีโอตลอดในช่วงที่เดินเที่ยวในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มาให้ดูในคลิปวีดีโอด้านล่างนี้ค่ะ
หลังจากที่ได้ไปเดินชมพิพิธภัณฑ์แล้ว ก็เข้าสู่ช่วง Workshop ค่ะ
เข้ามาในห้องก็เจอผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ วางเรียงราย ซึ่งหลาย ๆ ตัวทีไทยก็มีวางขายเหมือนกัน
ยกเว้น Plush Collection กับ สบู่เหลวล้างมือค่ะ
ทางแบรนด์ได้แนะนำความเป็นมาของ LUX ให้พวกเราได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น
อ้อ…เกือบลืมบอกไป ที่อเมริกา จะไม่มียี่ห้อ LUX นะคะ แต่จะมียี่ห้อ Caress ค่ะ
ซึ่งป็นแบรนด์ในเครือเดียวกับ LUX นี่แหละ
และนี่ก็คือ สบู่ LUX ก้อนแรกของโลก เชื่อไหมคะว่า ส้มลองดมกลิ่นแล้วคือยังมีกลิ่นหอมอยู่เลย
คือแบบ….มันผ่านมาร้อยกว่าปีแล้วนะเนี่ย 2 ก้อนในกล่องนี้ สุดยอดมาก
และก้อนเหล็กสีทอง ๆ นั้นคือ แป้นพิมพ์สบู่ในยุคแรกตั้งแต่มี LUX มาค่ะ
ซึ่งวันนี้ทาง LUX ได้เชิญ Dior Illustrator คุณ Garance Wilkens
ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบผลงานของ DIOR มาสอนพวกเราทำงาน art ค่ะ
โดยเริ่มจาก การระบายสีน้ำบนภาพวาดรูปของเราเอง ซึ่งทางคุณ Garance ได้วาดมาให้แล้วเรา
ให้เราลงสีตามใจชอบ ปะกลีบดอกไม้ต่าง ๆ ลงบนชุดเดรส
และนี่ก็คือผลงานของส้มค่ะ สวยเนอะ ฮ่าๆๆๆๆ เป็นคนชอบสีชมพู และส้มเองก็ได้แรงบันดาลใจจาก LUX Soft Touch นี้
ก็เลยดีไซน์ให้ชุดกระโปรงนั้นเป็นกลีบดอกไม้สีชมพู ที่เวลาโดนลมพัดใบก็จะค่อยๆ ปลิวไปตามสายลม
และก็เลยได้ออกมาอย่างภาพด้านล่างที่เห็นนี่แหละค่ะ
และพอเสร็จจากงานนี้ เราก็ไปรวมตัวกัน ทำการติดดอกไม้ให้กับประเทศของแต่ละคน
และก็ได้ช่วยกันติดประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้บล้อกเกอร์มาด้วย เพลินมากเลยกิจกรรมนี้
และนี่คือผลงานของส้มเอง ประเทศไทยของเรา เย้ๆๆๆๆ ชมพูสะพรั่งเช่นเคยจ้าาาา
แอบติดเลยลงมา มาเลเซียด้วย ฮ่าๆๆๆๆ
และนี่ก็คือ แผนที่โลกของพวกเราค่ะ
ดอกไม้ใหญ่อลังการมาก สนุกสุด ๆ ค่ะ กิจกรรมนี้ แฮ้ปปี้ๆๆๆๆ
ก่อนกลับส้มก็เลย ขอถ่ายรูปกับคุณ Garance เอาไว้ด้วย ได้ทำกิจกรรมด้วยกันแล้วคือ ประทับใจจริง ๆ
เค้าน่ารักมาก ส่วนตัวชอบผลงานของ Dior แบบนี้อยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็น ๆ
ในส่วนของ Plush Collection นั้น ส้มก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเข้าไทยเมื่อไหร่ ยังไงก็ต้องติดตามกันดูต่อไปนะคะ
และถ้าส้มมีข่าวอะไรจะรีบแจ้งให้ทราบ เพราะอยากให้ได้ลองใช้จริง ๆ โฟมมันนุ่มมาก และที่สำคัญกลิ่นหอมมาก
อาบแล้วตัวหอมเลยค่ะ มันจะมี 5 กลิ่นด้วยกัน แต่ส้มชอบขวดสีม่วงนี่ที่สุด กลิ่นมันหอมแบบหรูหรานิด ๆ
พอจากเสร็จกิจกรรม เราก็พากันกลับมาที่โรงแรม และทุกครั้งที่เข้ามาในโรงแรม
ก็จะมีเซตผลิตภัณฑ์ของ LUX เอาไว้ให้เสมอ รอบนี้จะเป็นสบู่ก้อนและสบู่เหลว LUX Love Forever ค่ะ
และยังมีชา Kusmi มาให้ชงจิบเบา ๆด้วย
หลังจากนั้น ก็ถึงมื้อเย็นค่ะ ซึ่งเป็นมื้อสุดท้ายที่พวกเราจะได้ร่วมรับประทานกันก่อนแยกย้ายกันกลับประเทศแต่ละคนพรุ่งนี้
ซึ่งทาง LUX ได้พาไปร้านอาหารชื่อว่า La Bastide Saint Antoine ซึ่งเป็นร้านอาหารระดับ Michelin Star
คืออาหารอร่อยสมกับความเป็นมิชลินจริง ๆ ค่ะ อร่อยมากกกกกกก ที่เห็นด้านล่างคือ ทานกันเกลี้ยงเลย
พอถึงช่วงร่ำลากันก็แอบเศร้านิด ๆ แม้ระยะเวลาไม่กี่วัน แต่ก็รู้สึกผูกพันได้เหมือนกันนะ
ไม่ว่าจะกับทีมงาน หรือ กับเพื่อน ๆ บล้อกเกอร์ด้วยกัน เป็นทริปที่ได้ประสบการณ์
และ ได้เพื่อนใหม่ ๆ จากหลายประเทศ เป็นความทรงจำที่ดีมากจริง ๆ ค่ะ
และพอกลับมาที่ห้อง ก็เจอเตียงที่มีกลีบดอกกุหลาบเรียงเป็นรูปตัว S ซึ่งเป็นชื่อย่อของชื่อเล่นส้มแบบนี้
โอ้ย…จะน่ารักไปไหน น้ำตาจะไหลค่ะพูดเลย
สำหรับทริปนี้ ส้มขอบอกจากใจจริงว่า “เป็นเกียรติ และ ดีใจมาก ที่ทาง LUX เลือกให้ส้มเป็น
LUX Ambassador ของปีนี้ ในส่วนของ Global Influencer เราเองก็ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มาทำกิจกรรมอะไรแบบนี้
มันภูมิใจในตัวเอง บอกไม่ถูกเหมือนกัน เพราะโอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีมาง่าย ๆ
ทริปนี้ส้มเองก็ตักตวงอะไรได้เยอะ ได้ประสบการณ์ดีดีเยอะมาก ๆ”
ส้มก็เลยนำเรื่องราวทั้งหมด จากการที่ได้ไปทริปนี้กับลักซ์ มาแบ่งปันให้ทุกคนได้เรียนรู้และสนุกไปกับส้ม
ก็หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ และถ้ามีอะไรเพิ่มเติม จะรีบมาแชร์ต่อทันทีเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ บล้อกนี้ยาวมากจริง ๆ ^_^
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้านะคะ
#LUX #StoryOfMyLUXlife #TheLuxFragranceExperience