Review : การทำทรีทเม้นท์บำรุงผม Keratin Complex Natural Smoothing Therapy ผมทิ้งตัว เรียบไม่ชี้ฟู นุ่มสลวย เป็นเงางาม
วันนี้ส้มแวะมาทำผมร้านพี่โจ้ ช่างประจำส้มที่ทำผมมาด้วยกัน 2 ปีกว่าแล้ว
รู้จักกันตอนนั้นซื้อดีล Ensogo ไปทำ Brazilian Blowout ที่ร้าน Glamour
ที่พี่โจ้เคยเป็นช่างทำผมอยู่ จนรู้จักสนิทกันทำผมมาเรื่อยๆ
พอพี่โจ้ลาออกจากร้านนั้น แล้วก็มาเป็น technician
ให้กับบริษัทนำเข้าผลิตภัณฑ์เส้นผม จนล่าสุด พี่โจ้ได้เปิดร้านทำผมของตัวเอง
ดีใจมาก…ดีใจจริงๆ ที่เห็นคนที่เราสนิทด้วยมีความเจริญก้าวหน้าแบบนี้
วันนี้เลยแวะมาที่ร้าน Montana Rich
(ชื่อร้านนี่คือมาจากชื่อยายพี่โจ้ เติม Rich ให้ดูเจริญรุ่งเรืองรวยๆ ฮ่าๆๆๆ)
ร้านพี่โจ้นี้จะอยู่ที่ชั้น 2 ของตึก RSU Tower ตรงปากซอยสุขุมวิท 31 ค่ะ
ธีมร้าน คือ “อลัง วัง เว่อร์” อันนี้ตั้งให้เลย
จนตอนนี้สวยงาม อลัง Chandelier เพียบ วิ๊งวับ ใครเดินผ่านต้องสะดุดตาแน่ๆ
ไม่มีคำว่า หาร้านไม่เจอค่ะ แสงเจิดจ้าขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆ
และทรีทเม้นท์ที่ส้มมาทำในวันนี้ก็คือ
Keratin Complex Natural Smoothing Therapy
ตัวนี้จะ คล้ายๆกับ Brazilian Blowout ที่ส้มเคยทำค่ะ
แล้วมันคืออะไรกันแน่?
สำหรับ Keratin Complex Natural Smoothing Therapy นี้
คือทรีทเม้นท์ที่ช่วยในการฟื้นฟูสภาพเส้นผม ทำให้ผมนุ่มลื่น
โดยทรีทเม้นท์จะแทรกซึมเข้าสู่เกล็ดผมเพื่อลดความหยิกและหยักศกของเส้นผม
- ป้องกันการหยิกเป็นฝอยและความชื้นจากภายนอก
- ฟื้นฟูสภาพเส้นผมให้กลับมามีสุขภาพดี
- ช่วยประหยัดเวลาในการทำผม และยังง่ายต่อการไดร์และจัดแต่งทรงผม
- ผลของทรีทเม้นท์สามารถอยู่ได้นานถึง 5 เดือน
- ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผมนุ่มลื่น มีน้ำหนัก และเปล่งประกายเป็นเงางาม
ย้ำ!! ทรีทเม้นท์นี้ “ไม่ใช่การยืดผมให้ตรง”นะคะ
ส้มก็รู้สึกสนใจทรีทเม้นท์นี้เป็นอย่างมาก เพราะปกติเป็นคนชอบลองอะไรใหม่ๆ
และชอบการบำรุงผมเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว
และอีกอย่าง เชื่อในแบรนด์ Keratin Complex อยู่แล้ว
เพราะส้มเคยใช้ครีมหมักผม
Keratin Complex Vanilla Bean Deep Conditioner
เป็นประจำ และ ชอบใช้คู่กับหมวกอบไอน้ำมากๆ
ก็เลยไม่ลังเลที่จะตัดสินใจลองทำดูค่ะ
แต่ก่อนจะทำทรีทเม้นท์กับผมไม่ว่าอะไรก็ตาม
ส้มจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับทรีทเม้นท์ตัวนั้นๆก่อนเสมอ
และข้อมูลอย่างหนึ่งที่ทำให้ส้มเกิดความสนใจและรู้สึกว่า
ทรีทเม้นท์นี้มันไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย เพราะว่า
Keratin Complex Natural Smoothing Therapy นี้ ได้รับ
รางวัลชนะเลิศ Stylist Choice Award มาตั้งแต่ปี 2010-2014
สำหรับผลิตภัณฑ์การทำ Smoothing
“Favorite Chemical Smoothing Product/System“
เอาล่ะ พอจะรู้รายละเอียดกันคร่าวๆกันแล้วเนอะ
เดี๋ยวเรามาดูขั้นตอนการทำกันเลยนะคะ
ขั้นตอนที่ 1
ช่างจะทำการเตรียม Natural Keratin Smoothing Treatment
และเทเนื้อครีมออกมาประมาณ 2-3 ออนซ์
(ซึ่งช่างผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนกะปริมาณดูตามสภาพเส้นผมของลูกค้าค่ะ)
จากนั้นก็เทลงในถ้วย แล้วก็ปล่อยทิ้งเอาไว้
10-15 นาทีเพื่อให้เนื้อครีมสัมผัสกับออกซิเจน
ช่วงระหว่างรอครีมเซตตัว ช่างจะพาส้มไปทำการสระผมด้วย
Clarifying Shampoo
เพื่อเป็นการเปิดเปลือกผมชั้นนอก เตรียมพร้อมสู่การบำรุงขั้นตอนต่อไปนั่นเอง
ขั้นตอนที่ 2
หลังจากสระผมและเช็ดให้แห้งแล้ว
ช่างจะทำการเป่าผมให้แห้ง ด้วยความร้อนปานกลางค่ะ
จากนั้นก็เริ่มแบ่งผมเตรียมในการทำขั้นตอนต่อไปค่ะ
ขั้นตอนที่ 3
หลังจากที่เราได้ทิ้งครีมเอาไว้ประมาณ 15 นาที (ตามขั้นตอนที่ 1 )
ช่างจะทำการแบ่งผมออกเป็น 4 ส่วน
โดยจะเริ่มจากบริเวณผมในส่วนท้ายทอยเป็นส่วนแรก
ช่างจะจับผมขึ้นมาประมาณหนึ่ง และใช้แปรงขนอ่อนป้ายทรีทเม้นท์นี้
ลงบนเส้นผมโดยเว้นโคนผม จากนั้นก็ป้ายลงมาจนถึงปลายผม
พอทาครบทั่วทั้งหัวแล้ว ช่างจะใช้หวี หวีให้เนื้อครีมสัมผัสเข้าถึงเส้นผมอีกทีค่ะ
ขั้นตอนนี้เรียกว่า สำคัญมากๆเลย
เพราะถ้าหากช่างไม่ชำนาญพอ การกะปริมาณทรีทเม้นท์ที่จะใส่ผมนั้น
หากใส่มากเกินไป เส้นผมจะมัน และจับตัวกันเป็นก้อนหนักมาก
ทำให้เวลาเป่าผมหรือหนีบผมในขั้นตอนต่อไปทำได้ยากมาก
หลังจากนั้น พอเนื้อครีมซึมเข้าสู่เส้นผมแล้ว
ช่างจะทำการนำพลาสติกมาคลุมผมเอาไว้และทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
ขั้นตอนที่ 4
ผ่านไป 20 นาที ก็นำพลาสติกคลุมผมออก
แล้วช่างจะหวีผมอีกครั้ง เพื่อให้เนื้อครีมแทรกซึมได้ทั่วถึง
จากนั้นก็ทำการเป่าผมอีกครั้ง โดยใช้คู่กับหวีแปรง จนผมแห้งสนิท
ขั้นตอนที่ 5
เป็นขั้นตอนสุดท้าย ก็คือ การหนีบผม นั่นเอง
เรียกได้ว่า เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการทำทรีทเม้นท์เลยก็ว่าได้ค่ะ
อุณหภูมิของเครื่องหนีบที่จะใช้คือ 400-410 องศาฟาเรนไฮน์
หรือประมาณ 204-210 องศาเซลเซียส
สำหรับระดับความร้อนนี้ ช่างบอกมาว่า การตั้งอุณหภูมิของเครื่องหนีบนั้น
ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมของลูกค้าเองด้วย
ถ้าความร้อนมากเกินไป ผมก็เอาจะเสียได้ค่ะ
ในขั้นตอนการหนีบผมนี้ ช่างจะเริ่มจากผมบริเวณต้นคอก่อน
แล้วก็ค่อยๆหนีบผม โดยต้องดึงเส้นผมให้ตึงขณะรีดผม
พอหนีบเสร็จทั่วทั้งหัว ก็จัดแต่งทรงผมเล็กน้อย
ส้มก็เลยให้พี่โจ้เล็มผมให้ด้วยค่ะ เพราะผมเริ่มยาวแล้ว
ปลายผมก็เริ่มแห้งบ้าง ก็เลยให้ตัดออกไปค่ะ
เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาไปประมาณ 2-3 ชั่วโมงค่ะ
และนี่ก็คือผลลัพธ์หลังทำทรีทเม้นท์เสร็จ
จับผมตัวเองแล้วอยากจะบอกว่า “ตกหลุมรักเลย”
ผมนิ่มมาก ทิ้งตัว มีน้ำหนักมากๆ ผมไม่ชี้ฟูแล้ว ประทับใจสุดๆ
เปรียบเทียบผมก่อนและหลังทำทรีทเม้นท์
สังเกตเห็นชัดเลยมั้ยคะว่า สภาพเส้นผมดูสุขภาพดี และ เป็นเงาขึ้นมาทันที
และที่สัมผัสได้เลยคือ เส้นผมมีน้ำหนัก ลื่น ไม่พันกัน เส้นผมเรียงตัวสวย
กว่าเดิมมากๆ เพราะผมส้มผ่านทำสีมา แล้วก็ม้วนผมด้วย
ช่วงปลายมันก็จะเริ่มแห้ง พอผมมันเริ่มแห้ง
(แต่ผมไม่เสีย ไม่แตกปลายเลย) มันก็จะเริ่มไม่ทิ้งตัวเหมือนก่อน
แต่พอทำทรีทเม้นท์ Keratin Complex แล้วเส้นผมเหมือนฟื้นชีพใหม่เลยก็ว่าได้ค่ะ
ไม่รู้จะอธิบายยังไง อันนี้ต้องลองเองจริงๆ
ปล.พอดีถ่ายแสงไม่เท่ากันเลยทำให้สีผมดูเปลี่ยนไป แต่จริงๆสีเหมือนเดิมนะคะ
การดูแลหลังทำทรีทเม้นท์
1. ห้ามสระผม 3 วัน (หรือ 72 ชม. เพื่อให้เคราตินซึมซาบเข้าสู่เส้นผมเต็มที่)
2. ปล่อยผมตามธรรมชาติ ห้ามติดกิ๊บ มัดผม หรือวางแว่นกันแดดไว้บนหัว
เพื่อป้องกันไม่ให้ผมเป็นรอย
3. ห้ามให้ผมเปียก โดนน้ำ หรือ โดนความชื้น
หากโดนน้ำให้รีบเป่าผมให้แห้ง และรีดผมเบาๆด้วยความร้อนอุณหภูมิต่ำค่ะ
ชุด After Care สำหรับทรีทเม้นท์นี้
การทำทรีทเม้นท์ลักษณะนี้ จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ After Care
ของเค้าด้วยนะคะ หากใครทำ Brazilian Blowout มาก่อนอยู่แล้วจะเข้าใจ
เพื่อเป็นการล๊อคทรีทเม้นท์ให้ติดอยู่กับผมให้นานขึ้น
เนื่องจาก After Care Set ของเค้าจะมีส่วนผสมสำคัญอย่างเคราติน
ที่จะช่วยบำรุงเส้นผมหลังทำทรีทเม้นท์ให้คงความเรียบ เงางามของเส้นผมได้นานขึ้น
หากใช้แชมพู หรือ ผลิตภัณฑ์ทั่วไปนั้น จะมีสารประเภทซัลเฟต
ซึ่งจะไปชำระล้างเอาทรีทเม้นท์บนเส้นผมให้หลุดออกเร็วขึ้นนั่นเอง
ใน Set After Care จะประกอบไปด้วย
1. Keratin Care Shampoo และ Keratin Care Conditioner
อันนี้เป็น Travel Size ขนาด 178ml ราคา 840 บาท (ใช้ได้ 1 เดือน)
ขวดไซส์จริง จะอยู่ที่ 1,010 บาทต่อขวด (ใช้ได้ 3 เดือน)
2. Keratin Complex Infusion Keratin Replenisher (ขนาด 50ml)
ราคา 1,200 บาท
เป็นเซรั่มสีส้มสำหรับบำรุงเส้นผมหลังสระผมและเช็ดผมให้แห้งหมาด
เนื้อเซรั่มสีส้ม แต่เวลามาวอร์มที่มือจะเปลี่ยนเป็นสีใสๆค่ะ
3. Volumizing Dry Shampoo Lift Powder (with Refill)
ขนาด 6 กรัม ราคา 1,200 บาท
ราคาและสถานที่
ราคาจะขึ้นอยู่กับสภาพและความยาวของเส้นผมแต่ละคน
ซึ่งเฉลี่ยประมาณ 5,000-12,000 บาทต่อการทำทรีทเม้นท์ 1 ครั้ง
(ไม่รวมค่าเซต After Care นะคะ)
สนใจติดต่อทางร้าน Montana Rich ที่เบอร์ 02 662 2854
หรือ ทาง Facebook Page ของร้าน
https://www.facebook.com/pages/Montana-Rich/333717433480888
ถ้าใครสนใจและต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ซาลอนใกล้บ้าน
ที่มีบริการทำทรีทเม้นท์นี้ สามารถเข้าไปสอบถามได้ที่
https://www.facebook.com/keratincomplexthailand
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณพี่โจ้ พี่ชล พี่จิน ที่เชิญส้มไปทำครั้งนี้ด้วยนะคะ
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้านะคะ