Review : การแวกซ์คิ้ว และ ต่อขนตาแบบ Sweetheart ที่ร้าน Tingle
ใครที่ติดตามส้มผ่านทาง Facebook Fan Page
ก็จะเห็นว่าส้มไปต่อขนตากับแว็กซ์คิ้วมา
ซึ่งหลายๆคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ส้มก็เลยรอให้ครบ 1 อาทิตย์ แล้วจึงมาเขียนรีวิวให้ได้อ่านกัน
และแล้ววันนี้ก็มาถึง 555
เนื่องจากว่า ทางร้าน Tingle ที่ตึก All Season Place
ติดต่อส้มมา เชิญให้ไปทดลองทำการแวกซ์คิ้วดู
ซึ่งส้มเองก็ไม่เคยทำ และก็เป็นคนชอบลองอยู่แล้ว
ก็ตัดตอบตกลงไปโดยไม่ได้คิดอะไร (ใจง่ายจริงๆเรา )
ภายในร้านสะอาดสะอ้าน ร้านทาสีขาวดูสบายตา
เฟอร์นิเจอร์ออกโทนน้ำตาล ทองๆ ดูเรียบหรูและดูดี (เหมือนเจ้าของร้าน อิอิ)
รู้ไหมคะ…สิ่งแรกที่ส้มเลือก โดยเฉพาะร้านที่ทำอะไรเกี่ยวกับ
การสักขนคิ้ว แวกซ์คิ้ว หรือต่อขนตา
เรียกได้ว่า อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับตาของเรา ส้มมองที่ความสะอาดเป็นสำคัญ
ก่อนไปใช้บริการ ส้มก็เข้าไปดูข้อมูลในเวปไซต์ของร้านก่อนเลย
ศึกษาข้อมูลของวัตถุดิบที่ใช้ จนเรารู้สึกมั่นใจจริงๆ
ก่อนจะไปทำ ถึงแม้จะตอบตกลงแล้วก็ตาม หากดูแล้วไม่โอเค ส้มก็คงไม่ไป
แต่อันนี้ โอเคเลยค่ะ (ยังกะตรวจคุณภาพร้านอาหาร 555)
ก่อนที่ส้มจะไปทำการแวกซ์คิ้ว ทางคุณแอม เจ้าของร้านก็บอกว่า
เพื่อง่ายต่อการแวกซ์คิ้ว ควรไว้คิ้วให้ยาวก่อนซัก 2 สัปดาห์
ส้มก็เลยปล่อยคิ้วให้ขึ้นรกๆแบบในรูปด้านล่างเนี่ยแหละค่ะ
ขั้นตอนในการแวกซ์คิ้ว
1. ช่างจะทำการเอาดินสอมากำหนดจุด เพื่อดูรูปคิ้วของเรา
และวาดโครงคิ้วขึ้นมาใหม่ โดยจะวิเคราะห์จากรูปหน้า โครงสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ
การเรียงตัวของเส้นขนและองค์ประกอบทุกส่วนของใบหน้า
นี่ก็คือร่างเสร็จแล้วค่ะ กลายเป็นยักษ์เลยทีเดียว 555
2. ช่างจะทำการนำแวกซ์มาทาบริเวณที่อยู่เลยเส้นโครงคิ้วที่วาดเอาไว้ก่อนหน้านี้
แล้วก็เอาแผ่นมาแปะแล้วดึงออก (ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะว่าปิดตาอยู่พอดี
แถมกำลังเป็นช่วงลุ้นว่าจะเจ็บหรือเปล่า เลยไม่ได้หยิบกล้องขึ้นมาถ่าย)
นึกภาพง่ายๆ เหมือนตอนเราไปแวกซ์ขนแขน ขนขาเลยค่ะ
แต่ไม่เจ็บเท่า เพราะขนคิ้วของเราอ่อนกว่ามาก และปริมาณน้อย
และถ้าหากตรงไหนที่มีขนบางเส้นที่ไม่ได้หลุดออกมาพร้อมกับแวกซ์
ช่างก็จะเอาแหนบมาดึงออกให้ ซึ่งจะบอกว่า ขั้นตอนนี้ ตอนแรกกลัวมาก
เพราะว่าไม่เคยถอนขนคิ้วด้วยแหนบมาก่อน
แต่จะบอกว่า ช่างที่นี่ฝีมือโปรมากๆ ไม่เจ็บเลยค่ะ มือเบาจริงๆ
ขอปรบมือให้ล้านครั้งเลย!
3. ช่างจะทำการประคบเย็นให้ เพื่อลดอาการแดงจากแวกซ์
สังเกตว่าคิ้วจากรูปด้านขวามือด้านล่างนี้ จะยังเหลือคิ้วที่ขึ้นใหม่นิดหน่อย
บริเวณนั้นคือ ช่างแนะนำให้เลี้ยงคิ้วให้ยาวกว่านี้ เพื่อที่ครั้งต่อไปมาทำใหม่
ขนคิ้วจะได้เท่ากันทั้ง 2 ข้าง เพราะคิ้วส้มไม่เท่ากันค่ะ
เลยต้องเลี้ยงคิ้วขึ้นมาเสียก่อน
4. ทางร้านจะนำอายแชโดว์สำหรับเขียนคิ้ว
ที่เป็นแบรนด์ของทางร้าน Tingle เอง
โดยเลือกสีโทนน้ำตาลเทามาให้ส้มใช้ เนื่องจาก ผมส้มสีดำ
เลยจำเป็นต้องใช้อายแชโดว์เขียนคิ้วที่อ่อนกว่าสี ผม 1 เฉดสีนั่นเอง
พอเราได้รูปคิ้วที่สวยแล้ว การเขียนคิ้วเลยทำได้โดยง่าย
วิธีการเขียนคิ้ว ตามรูปด้านล่างเลยค่ะ
ข้อดีและข้อเสียของการแวกซ์คิ้ว
ข้อดี– ได้รูปคิ้วที่เหมาะสมกับโครงหน้า ทำให้เขียนคิ้วได้ง่ายขึ้น
ไม่ต้องเสียเวลามาวาดโครงคิ้วก่อน ทำให้ประหยัดเวลาในการแต่งหน้า
– ผิวบริเวณรอบคิ้ว เนียนเรียบ โดยเฉพาะใต้คิ้ว หรือตรงเนินกระดูกคิ้ว
ทำให้แต่งตา ลงอายแชโดว์ได้สวยมากขึ้น เนื่องจากผิวเนียนเรียบ ไม่ขรุขระ
– แวกซ์ที่นำมาใช้สำหรับแวกซ์คิ้ว นำมาจากประเทศแคนาดา
คุณภาพดี ไม่ทำให้ผิวผู้ใช้บริการเกิดการระคายเคืองหรือแพ้
– ไม่เจ็บ และ ใช้เวลาเพียง 30 นาทีในการแวกซ์คิ้ว
– ช่างที่นี่ ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีความเชี่ยวชาญ
และรู้จริงในการแวกซ์คิ้ว จึงได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
ข้อเสีย– ต้องกลับมาแวกซ์ใหม่ เมื่อขนคิ้วขึ้น ปกติจะประมาณ 1 เดือน
เมื่อแวกซ์คิ้วเสร็จแล้ว คุณแอมเจ้าของร้าน ก็ถามส้มว่า อยากจะลองต่อขนตามั้ย
ส้มก็เลยลังเล เพราะเกรงใจ กลัวติดคิวลูกค้าคนอื่น
แต่พอทางร้านเชคแล้วว่า ช่างยังว่างอยู่
ก็เลยตัดสินใจทำ โดยดูแบบจากขนตาคุณแอม เนี่ยแหละค่ะ
ขนตาคุณแอม สวยมาก เลยถามว่าต่อแบบไหน
คุณแอมบอกว่า ต่อแบบ Sweetheart ก็เลยเลือกแบบได้ง่ายเลย
เพราะที่ร้านจะมีหลากหลายแบบให้เลือกค่ะ
ก่อนที่จะทำคุณแอม ก็ได้มีการอธิบายก่อนว่า
การต่อขนตาของที่ร้าน Tingle นั้นแตกต่างจากที่อื่นอย่างไร
เพราะส้มเล่าให้คุณแอมฟังว่า ส้มเคยต่อเมื่อหลายปีที่แล้ว
สมัยที่พึ่งเข้ามาเมืองไทยใหม่ๆ แล้วไม่ค่อยชอบ เพราะว่าขนตาจริงเราก็ร่วงไปเยอะ
แถมเคืองตา ตอนทำก็แสบตามากๆ ก็เลยฝังใจอยู่นิดนึง
แต่พอคุณแอมอธิบายว่า
“ขนตาและอุปกรณ์ของที่ร้าน จะนำเข้าจากแบรนด์อันดับ 1 ของ ญี่ปุ่น
เท่านั้นยังไม่พอ กาวติดขนตา รวมไปถึง
ครีมที่จะมาถอดขนตาให้ลูกค้า
คุณแอมก็ได้ไปนำไปให้ทาง อย. ตรวจสอบ
และได้รับการรับรองจาก อย.ของประเทศไทยเรียบร้อย
เพราะฉะนั้นก็เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน”
ก็พอได้ทราบข้อมูล ข้อเท็จจริงแบบนี้ ส้มก็เลยตัดสินใจทำได้ง่ายขึ้นค่ะ
ขั้นตอนในการต่อขนตา
1. ช่างจะนำมาสก์สำหรับใต้ตา มาแปะเอาไว้ เพื่อให้ระหว่างที่ต่อขนตา
ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ลูกค้าจะได้รับการพักผ่อนบริเวณใต้ตาไปในตัว
แผ่นมาสก์จะเย็นสบายๆค่ะ ผ่อนคลายจริงๆ
2. ช่างจะนำการนำขนตามาเรียงทีละเส้น ซึ่งขั้นตอนนี้
บอกได้เลยว่า ละเอียดจริงๆ
กว่าจะเรียงขนตาทีละเส้น และความยาวแต่ละเส้นก็จะไม่เท่ากัน
เนื่องจากจะต้องมีการไล่ความยาวของขนตาให้เหมาะกับรูปตา
และแบบที่ได้เลือกเอาไว้ ช่วงนี้ส้มก็นอนหลับสบายค่ะ
ช่างมือเบาจริงๆ
ขั้นตอนนี้ จากที่เคยทำมาเมื่อปลายปีก่อน
เราจะแสบตาเพราะไอกาวมันเข้าตา น้ำตาจะไหลเลย
แต่ที่นี่ ส้มไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ ไม่แสบ ไม่เคืองตาเลย
บอกได้เลยว่า กาวเค้าคุณภาพดีจริงๆ เหมาะกับการใช้ในการติดขนตาจริงๆค่ะ
สำหรับแบบ Sweetheart ที่ส้มต่อนี้
ใช้ขนตาทั้งหมด 65 เส้นต่อ 1 ข้าง รวมเป็น 130 เส้นค่ะ
3. พอต่อขนตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ช่างจะนำไดร์เป่าผม มาเป่าลมเย็น
เพื่อให้กาวที่ต่อแห้งและเป็นการไล่ไอกาวที่จะทำให้เราแสบตาออกไปค่ะ
(บอกตามตรงว่า ตอนลืมตาหลังต่อขนตาเสร็จใหม่ๆ
ลืมตาขึ้นมา รู้สึกว่าแสบตานิดหน่อยตรงตาข้างซ้าย แต่ด้านขวาไม่เป็น
คาดว่าไอกาวคงเข้าตานิดหน่อยค่ะ ประมาณ 1 นาที พอเป่าเย็นก็หาย)
ให้ดูผลงานของการต่อขนตาที่นี่ ต่อได้เรียงเส้นสวย เป็นธรรมชาติมากๆค่ะ
ประทับใจสุดๆเลย เบิกตาให้ผู้อ่านได้ดูว่า เหมือนกับขนตาเราจริงๆเลยค่ะ
4. จากนั้น ช่างจะนำแปรงสำหรับปัดขนตา มาปัดขนตาที่ต่อเสร็จแล้ว
ให้เรียงกันสวยงาม เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ
เปรียบเทียบขนตา ก่อน และ หลังต่อขนตาแบบ Sweetheart
พอต่อเสร็จ ไม่รู้สึกหนักขนตา หรืออะไรเลย
เบาสบาย ไม่รู้สึกเลยว่ามีขนตาเป็นแพอยู่บนตาเราอยู่
ไม่เคืองด้วยค่ะ แถมผลลัพธ์ออกมา สวยดั่งใจจริงๆ
และแถมยังดูเป็นธรรมชาติอีกด้วยค่ะ
ดูจากด้านข้างแล้ว ขนตาจะงอนสวย
แบบ ตื่นมาก็ขนตางอนเด้ง สวยแบบนี้เลย ชอบมากๆๆ
ต่อไปไม่ติดขนตาปลอมละ ^_^
ผลหลังการต่อขนตาได้ 1 สัปดาห์
ผ่านไป 1 สัปดาห์หลังการต่อขนตา
พบว่า ขนตาที่ต่อมา ร่วง 2 เส้นค่ะ ถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับแต่ก่อนที่เคยต่อ
ขนตาจริงหลุดมา 1 เส้นค่ะ เพราะดันไปเผลอขยี้ตา
ขนตาจริงกับขนตาที่ต่อมาร่วงมาพร้อมกันเลย
แต่โดยรวมแล้วขนตายังสวยอยู่ค่ะ
ข้อดีและข้อเสียของการต่อขนตา
ข้อดี – ช่วยเพิ่มขนตาให้คนที่ขนตาน้อย ดูขนตายาวและหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
– เพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตา ทำให้ดวงตาดูหวานและโตยิ่งขึ้น
– ไม่ต้องเสียเวลาในการปัดขนตาให้งอน
– ประหยัดเวลาในการแต่งหน้า เพราะส่วนใหญ่เมื่อต่อขนตาแล้วจะแต่งหน้าน้อยลง
– ไม่ต้องติดขนตาปลอมอีกต่อไป
ข้อเสีย– หากแต่งหน้าโดยการเขียนอายไลเนอร์ หรือ ปัดมาสคาร่าแบบกันน้ำ
ทำให้เวลาล้างเครื่องสำอางค์ออก อาจทำให้ขนตาอาจร่วงได้
แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดรอบดวงตาที่เป็นสูตรน้ำ เช่น Bioderma
ไม่ควรใช้ที่เป็นสูตรน้ำมัน หรือ oil เพราะจะทำให้ขนตาร่วงได้ง่ายค่ะ
– เวลาล้างหน้า และเช็ดหน้า อาจจะรู้สึกไม่ถนัด
เพราะจะกังวลว่ามือจะไปโดนขนตาแล้วหลุด
แนะนำให้ ซับหน้าเบาๆ บริเวณดวงตา เพื่อป้องกันการหลุดร่วง
วิธีการบำรุง ทั้งขนคิ้ว และ ขนตา
ทางร้านจะแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลคิ้วของทางร้าน
และผลิตภัณฑ์ดูแลขนตาของประเทศญี่ปุ่นที่นำเข้ามาโดยเฉพาะ
ซึ่งคุณแอมใจดี มอบให้ส้มได้นำไปทดลองใช้ เยอะแยะเลย
มาดูทีละอย่างกันเลยนะคะว่ามีอะไรบ้าง
1. พาเลทอายแชโดว์สำหรับเขียนคิ้ว พร้อมทั้งไฮไลท์โหนกคิ้วในตัว
ราคา 890 บาท
ในตลับจะมีแปรงเล็กเอาไว้สำหรับพกพา แต่ถ้าใช้ถนัดมือจริงๆจะเป็น
แปรงสำหรับเขียนคิ้ว ราคา 350 บาท
โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีปลาย 2 ด้าน ด้านหนึ่งจะเป็น แปรงขนอ่อน ปลายหัวตัดเฉียง
เอาไว้เขียนคิ้วได้ง่ายมากขึ้น และอีกด้าน จะเป็นแปรงสำหรับปัดคิ้วให้ขนคิ้วเรียงตัวสวย
ต่อมาจะเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นขนตาจำนวน 3 ชิ้นด้วยกัน
ซึ่งทางร้านได้เลือกเอาแบรนด์ Matsukaze ซึ่งเป็นแบรนด์คุณภาพดีอันดับหนึ่งจากญี่ปุ่น
ในด้านผลิตภัณฑ์บำรุงขนตา โดยเฉพาะคนที่ต่อขนตามาค่ะ
2. เซรั่มบำรุงขนตา
Matsukaze Eyelash Essence ราคา 1,420 บาท
อันนี้ แนะนำให้ต้องใช้ทุกวันเช้าเย็น เพื่อบำรุงเส้นขนตา
โดยปัดจากโคนขนตาออกมายังปลายขนตา จะช่วยปกป้องขนตาที่ต่อ
ให้อยู่นานขึ้น รวมทั้งช่วยบำรุงเส้นขนจริงของเราด้วยค่ะ
ยี่ห้อ Matsukaze นี้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น
เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงขนตาค่ะ
เพราะส้มใช้เองแล้วรู้สึกว่า ขนตาเราได้รับการบำรุงไปในตัว
ไม่เหนียวเหนอะหนะ ความรู้สึกเหมือนเซรั่มใส่ผม
ปัดบนขนตาแล้วเหมือนเซรั่มไปช่วยเคลือบเส้นขนตาให้เงางามมากขึ้น
แต่ไม่จับตัวกันเป็นก้อนค่ะ ปัดแล้วก็ให้ใช้แปรงปัดขนตาอีกรอบ
เพื่อให้เซรั่มเคลือบทุกเส้นขนตาค่ะ
3. มาสคาร่าสีใส Matsukaze Eyelash Clear Mascara
ราคา 1,320 บาท
อันนี้จะเหมาะสำหรับเอาไว้เซตขนตาให้เรียงตัวสวย
4. มาสคาร่าสีดำ Matsukaze Eyelash Treatment Mascara
ราคา 1,320 บาท
เมื่อต่อขนตามาแล้ว ไม่ควรปัดมาสคาร่าที่เราใช้กันปกติ
เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นสูตรกันน้ำ
จะทำให้เวลาล้าง จะล้างออกได้ยาก จึงแนะนำให้ใช้เป็นสูตรเฉพาะสำหรับคนที่ต่อขนตามา
จะทำให้ล้างออกได้ง่าย และ ยังไม่เลอะระหว่างวันอีกด้วย
5. แปรงปัดขนตา ราคา 320 บาท
เมื่อเราต่อขนตามาแล้ว ก็ควรปัดขนตาเช้าเย็น
เพื่อป้องกันขนตาพันกัน เส้นขนตาก็เหมือนเส้นผม ยังไงก็ต้องได้รับการดูแล
ยิ่งเราต่อขนตามาก็ควรจะหวีขนตาให้เรียงตัวสวยไม่พันกันด้วยนะคะ
เคล็ดลับ : ส้มจะปัดเช้าเย็นหลังจากที่ลงเซรั่มบำรุงขนตาเสร็จแล้วค่ะ
ราคาของการบริการ และสถานที่ทำ
ขนตาแบบที่ส้มต่อ เป็นแบบ Sweetheart
ใช้ขนตาทั้งหมด 65 เส้นต่อ 1 ข้าง รวมเป็น 130 เส้นค่ะ
เส้นละ 10 บาท รวมเป็น 1,300 บาทค่ะ
ส่วนแวกซ์คิ้ว ราคา 700 บาทค่ะ
สถานที่ : Tingle มี 2 สาขานะคะ ย้ายจาก All Season ไปอยู่ที่
1. ห้างเกษรพลาซ่า ชั้น Lobby โทร 081-829-9905
2. สาขา เอสพลานาด รัชดา โทร : 02-660-9369
Facebook : http://www.facebook.com/TINGLEBROW
Website: http://tinglebrow.com/
สุดท้าย ส้มต้องขอขอบคุณทางร้าน Tingle ที่เชิญให้ส้มได้ไปทดลองใช้บริการ
ในครั้งนี้ด้วยนะคะ ประทับใจกับการบริการมากๆค่ะ
พบกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้านะคะ
Sponsored By