วิธีการล้างพิษลำไส้ Detox ด้วยการสวนกาแฟ ประสบการณ์ตรงที่ทำมากว่า 7 ปี สุขภาพและผิวพรรณดีขึ้นจริง

January 20, 2015

ก่อนอ่านรีวิวนี้..อยากจะบอกว่า นี่คือประสบการณ์ส่วนตัวและเรื่องที่จะเขียนนี้

ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลด้วยนะคะ

เพราะบางคนจะไม่เชื่อเรื่องการทำ Detox มากนัก

และก็อาจจะส่งผลไม่ดีกับคนที่ทำไม่ถูกวิธีได้ ทั้งนี้ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะคะ^^

บทความที่พูดถึงผลเสียค่ะ >> http://www.thaiclinic.com/detoxify.html

_________________________________________


จากที่ได้มีการโพสท์ไปหน้า Facebook Page 

ทำให้รู้ว่า มีสาวๆจำนวนมากที่อยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำ Detox ล้างพิษในลำไส้

ซึ่งส่วนตัวส้มเอง ทำมา 7 ปีแล้ว เพราะว่าคุณแม่เป็นคนบอกให้ทำ

นับย้อนไปก่อนหน้านั้น ช่วงที่ไปเรียนที่ออสเตรเลียกลับมา เป็นช่วงที่ฮอร์โมนรุนแรงมาก

สิวประทุเต็มหน้า แถมน้ำหนักขึ้นเป็น 10 กิโลกรัม อ้วนและน่าเกลียดสุดๆ

 

 

และมันก็เลยทำให้เป็นสิวเรื้อรังมาเรื่อยๆเลย จนกระทั่งเข้ามาเรียนที่ ABAC

เป็นสิวตลอด ไม่หายซักที จนแม่เห็นก็พาไปหาหมอ  รักษากับหมอผิวหนัง

แทบจะทุกคลีนิคที่เราเห็นในโฆษณา ตอนรักษาก็หายนะคะ แต่พอหยุดสิวก็ขึ้นอีก

หาหลายวิธีแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น สุดท้ายก็เลยมาดูระบบร่างกายภายใน

ประจวบกับว่า แม่เริ่มทำ Detox มาระยะหนึ่งก่อน แล้วสุขภาพแม่ดีขึ้นผิวพรรณก็ดีขึ้น

ฝ้ากระมันค่อยๆลดลง  เพราะแม่ส้มเป็นคนท้องผูกมากๆ  พอทำ Detox แล้ว

ขับถ่ายง่ายขึ้นกว่าเดิม  แม่เลยแนะนำให้ส้มทำบ้าง

บอกเลยว่า 

 

ตอนที่ได้ยินคำว่า “Detox” ครั้งแรก

ในหัวนี่นึกภาพอะไรที่สยดสยองและน่ากลัวเอาไว้ก่อนเลย

ยิ่งเป็นคนจินตนาการล้ำเลิศอยู่

ส้มเชื่อว่าหลายคนที่ยังไม่เคยทำ และ กำลังอ่านอยู่ตอนนี้

ก็คงคิดเหมือนส้มตอนนั้นแหละว่า “มันน่ากลัว” “อยากทำ แต่กลัวเจ็บ”

สารพัดสิ่งที่คิดไปเอง ทั้งๆที่ยังไม่เคยลองเลย

 

แต่ความที่เราอยากจะสวย อยากจะให้สิวมันหมดไปจากหน้าเสียที

ถึงได้รวบรวมความกล้า นึกในใจ..เอ้า..ลองดูละกัน

ถ้าไม่ดี แม่คงไม่แนะนำแน่อน  ก็เชื่อแม่ค่ะ…

 

แล้ว Detox ล้างลำไส้ด้วยการสวนกาแฟ มันคืออะไร?

การ Detox ด้วยการสวนด้วยกาแฟ เป็นการล้างลำไส้ในส่วนต้น

  ที่เราใช้กาแฟนั้น ก็เพราะว่า ในกาแฟประกอบด้วยเอนไซม์ ปาล์มมิเตต

ซึ่งจะช่วยกำจัดสารพิษออกจากตับ  กาแฟจะถูกดูดซึมผ่านเส้นเลือดดำบริเวณลำไส้ใหญ่

ซึ่งเชื่อมต่อไปยังตับและท่อน้ำดี  สารในกาแฟจะกระตุ้นให้ท่อน้ำดีขยายตัว

 น้ำดีจะเป็นตัวนำพาสารพิษไปสู่บริเวณลำไส้

ซึ่งขบวนการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกับจังหวะการเคลื่อนบีบตัวของลำไส้ที่เพิ่มขึ้น

เนื่องจากการมีน้ำหรือของเหลวบริเวณลำไส้ส่วนล่างมากขึ้น 

และการบีบตัวของลำไส้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำให้เรารู้สึกอยากถ่าย

เมื่อถ่ายออกมา สารพิษตะกรันต่างๆที่เกาะตามผนังลำไส้จะถูกขับออกมาพร้อมอุจจาระ

 

อุปกรณ์สำหรับการสวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ

ถุงสำหรับทำ Detox
น้ำเปล่า
กาแฟผงสำหรับทำ Detox
วาสลีน (สำหรับมือใหม่หัดสวน อิอิ)

อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์

กาแฟ

กาแฟควรฉีกซองแล้วเทใส่กระปุกที่มีฝาปิดมิดชิด

เพื่อกันอากาศเข้าทำให้กาแฟจับตัวเป็นก้อนเหนียวและแข็งได้ค่ะ

ถุงทำ Detox 

จะมีลักษณะหน้าตาแบบนี้

แต่บางยี่ห้อรูปทรงก็อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อยค่ะ

สังเกตว่าด้านล่างสายยางจะมีปลอกสีเขียวเอาไว้อยู่

ตอนก่อนใช้ควรนำปลอกสีเขียวออกก่อนด้วยนะคะ

และอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ ก็คือปุ่มเลื่อนเพื่อปลดล๊อคสายยางให้น้ำไหลออก

หรือ จะหยุดน้ำไม่ให้ไหลออกมาได้ 

เอาล่ะ..ก่อนที่จะถึงขั้นตอนในการทำ Detox

ต้องขอบอกก่อนว่า ในการทำ Detox นั้น ร่างกายจะสูญเสียน้ำไปเยอะ

เพราะฉะนั้นก่อนทำ ควรดื่มน้ำเยอะๆ ก่อนทำ

เพราะบางคนถ้าเป็นคนดื่มน้ำน้อยอยู่แล้ว

หลังทำอาจจะมีอาการปวดหัวได้ค่ะ

 

ขั้นตอนในการทำ Detox 

 

1. นำกาแฟผงสำหรับทำ Detox ตักออกมาใส่ถ้วยแก้วประมาณ 1-2 ช้อนชา

จากนั้นเทน้ำเปล่าสะอาดลงไปในแก้ว แล้วนำเข้าไมโครเวฟ เพื่อทำการอุ่นกาแฟ


โดยตั้งเวลา1 นาทีหรือถ้าใครมีกระติกน้ำร้อนก็สามารถกดน้ำร้อนออกจากกระติกได้เลย

หรือไม่งั้นก็สามารถต้มน้ำได้ค่ะ

  

2. นำถุงทำ Detox มาเตรียมเอาไว้ โดยเลื่อนปุ่มล๊อคมาล๊อคสายยางเพื่อกันน้ำไหลออก

 

จากนั้นน้ำเปล่าที่สะอาดเทลงในถุงทำ Detox จนถึงประมาณ 500 CC

และนำน้ำกาแฟที่เราได้อุ่นในไมโครเวฟเมื่อซักครู่

เทตามลงไปในถุง กะให้อุณหภูมิของน้ำในถุงอุ่นพอดี ไม่ให้ร้อนจนเกินไป


แต่ถ้าหากน้ำร้อนจนเกินไปก็ให้เติมน้ำเพิ่มได้ค่ะ 

ปริมาณที่เราจะใช้คือ 1,000 CC ค่ะ

แต่ส้มจะเผื่อน้ำเอาไว้นิดนึง เพราะเราจะต้องไล่อากาศออกจากถุงก่อนสวนท่อด้วยค่ะ

(ตามรูป)

 

 

3. จากนั้นให้ทาวาสลีนตรงปลายสายยาง สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยทำ เพื่อที่จะทำให้

เวลาสอดเข้าไปทางรูทวารเป็นไปอย่างง่ายดาย ลื่นและจะไม่รู้สึกเสียดสีค่ะ

 

4. ก่อนที่จะทำการ Detox ให้แขวนถุงกาแฟไว้ให้สูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร

แต่ก็ต้องกะให้เวลาที่เรานอนราบแล้วสอดสายยางเข้าไปแล้ว

สายยางไม่ตึงจนเกินไปด้วยนะคะ

 

5. ปลดล๊อคสายยางที่เราได้ล๊อคเอาไว้ตอนแรกนั้นออกก่อน

เพื่อเป็นการไล่อากาศที่อยู่ภายในถุงออกให้หมด

(ถ้าไม่ไล่อากาศออกก่อน เวลาเอาสายยางสอดเข้ารูทวารแล้ว

น้ำกาแฟจะไม่ไหลออกมาจากสายยางค่ะ เพื่ออากาศไปดันเอาไว้)

 

 น้ำกาแฟอาจจะไหลออกมาด้วยก็ไม่เป็นไรค่ะ 

พอท่อสายยางมีแต่น้ำกาแฟไหลออกมาแล้วก็ให้ล๊อคสายยางกลับไปที่เดิมค่ะ

 

*แนะนำว่า หลังจากไล่อากาศออกแล้ว ให้เลื่อนตัวแผ่นปลดล๊อค ลงมายังปลายสายยาง

โดยกะประมาณให้แผ่นปลดล๊อคนี้อยู่ห่างจากปลายสายยางประมาณ 30 ซม. 1

เพื่อที่จะได้สะดวกเวลาที่สอดสายยางเข้ารูทวารแล้ว สามารถเอามือเอื้อมไปปรับได้ค่ะ

 

6. จากนั้นให้เรานอนตะแคงขวา

 

แล้วนำสายยางสอดเข้าไปทางรูทวารประมาณ 2 นิ้วค่ะ

(อย่าตกใจไป นี่เป็นข้อพับขาจ้ะ ไม่ใช่ก้นจริงๆ 5555)


จากนั้นปลดล๊อคสายยางออก ค่อยๆให้น้ำไหลเข้าไปทางรูทวาร 

หากทำครั้งแรกแล้วน้ำไหลเร็วเกินไป ก็สามารถเอามือจับตัวล๊อค

เพื่อล๊อคสายยางเอาไว้ แล้วก็ค่อยๆปลดทีละนิดให้น้ำค่อยๆไหลเข้าไปก็ได้ค่ะ 

ก็ค่อยๆปล่อยน้ำกาแฟให้ไหลเข้าไป จนหมดถุง แล้วก็นำสายยางออกมาจากรูทวารค่ะ


 

7. ให้เรานอนหงายราบกับพื้น แล้วใช้มือนวดเบาๆ

โดยวนเป็นวงกวมบริเวณท้องประมาณ 5 นาที

 

8. จากนั้นก็ค่อยไปถ่ายตามปกติค่ะ

ในครั้งแรกที่ทำ อาจจะไม่สามารถกลั้นได้นานถึง 5 นาทีนะคะ

ครั้งแรกอาจจะได้แค่ 1 นาทีแล้วก็สามารถถ่ายได้ค่ะหากทนไม่ไหว 

ตรงนี้ก็ค่อยๆปรับกันไปค่ะ

 

*แต่ระยะเวลาที่เหมาะสมในการกลั้นให้กาแฟอยู่ในช่องท้อง คือประมาณ 10 นาที

เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมกาแฟให้ได้มากที่สุด 

แต่ทั้งนี้ระยะเวลาอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละคน  

  และการนวดบริเวณหน้าท้องจะช่วยให้สารพิษหรือตะกรัน

ที่เกาะตามผนังลำไส้หลุดออกมาได้ง่ายขึ้นค่ะ

 

การรักษาความสะอาดถุงหลังใช้

หลังทำดีทอกซ์เสร็จแล้วทุกครั้ง ควรใช้ Dettol 

หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ทำความสะอาดถุงให้สะอาด

แล้วผึ่งลมให้แห้งค่ะ  

ส่วนถุงควรจะเปลี่ยน หลังใช้ได้ 4-5 ครั้ง

หรือดูสภาพการใช้งานอีกทีค่ะ

 

ประสบการณ์ตรงในการทำครั้งแรกของส้ม

ตอนที่ส้มทำครั้งแรก  พอถ่ายออกมาเสร็จแล้ว

ก่อนจะกดชักโครก ส้มได้มองไปดูในชักโครก

อยากจะบอกว่า ตกใจมาก เพราะเห็นพวกเศษเนื้อสัตว์

เป็นเศษเล็กๆปนออกมาด้วย เลยเข้าใจเลยว่า

ที่ผ่านมา ถึงแม้เราจะถ่ายปกติ แต่เศษเนื้อสัตว์เหล่านี้

อาจจะไปเกาะติดตามผนังลำไส้ของเราได้

ทำให้ลำไส้ไม่สะอาด เป็นของเสียที่สะสม ที่ส่งผลต่อร่างกายและผิวพรรณ

ทำให้เกิดการเป็นสิวเป็นฝ้า หน้าตาไม่สดใสได้ค่ะ

 

คำชี้แนะเพิ่มเติม

สำหรับคนที่ยังไม่เคยทำ Detox แบบนี้มาก่อน หรือท้องผูกไม่ได้ถ่ายท้องทุกวัน

 แรกๆ อาจจะเจอปัญหาที่เวลาสวนกาแฟและถ่ายออกมาแล้ว

 ถ่ายได้นิดเดียว น้ำกาแฟออกมาไม่เยอะ

ก็แนะนำว่า ให้ทำต่อเนื่องไปอีก 3-5 ครั้ง ก็จะดีขึ้น ร่างกายจะรู้สึกเบาสบายขึ้นค่ะ

แต่หลังจากทำแล้ว การรับประทานอาหารก็ควรจะปรับเปลี่ยนด้วยจะยิ่งได้ผลดี

ต่อสุขภาพของเรา ควรเน้นการทานผักผลไม้ให้มากขึ้น

 

สำหรับคนที่แพ้กาแฟ สามารถใช้ น้ำมะขามเปียก

หรือ น้ำมะนาวแทนการใช้กาแฟก็ได้

หรืออาจจะสลับมาใช้น้ำอุ่นธรรมดาก็ได้เช่นกันค่ะ

ควรทำ Detox บ่อยแค่ไหน ?

สำหรับส้มเองจะทำประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับในสัปดาห์นั้นๆ

ว่าทานเนื้อสัตว์เข้าไปมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงปริมาณการทานผักผลไม้ด้วย

หรืออาจจะสังเกตจากตัวเราเอง  หากรู้สึกว่าเพลีย เหนื่อยง่าย

หน้าตาหมองคล้ำ ไม่สดใส เป็นสิวหรือมีผดผื่นขึ้น

ก็แสดงว่าช่วงนั้นร่างกายมีสารพิษ ก็จะทำการ Detox เพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกายค่ะ

 

ช่วงเวลาไหนที่ควรทำ Detox?

ควรทำในช่วงเช้า หลังจากถ่ายอุจจาระตามปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เวลาที่ดีที่สุดคือ ตี 5 ถึง 7 โมงเช้า แต่ถ้าไม่สะดวก

ก็สามารถทำตอนไหนก็ได้ค่ะ


บุคคลที่ห้ามดีท๊อกซ์แบบสวน
1 เด็กในวัยเจริญเติบโต
2.หญิงมีครรภ์
3.คนที่ปวดมวนท้องมากเวลาดื่ม
4. คนที่มีลำไส้อุดตัน เช่น ก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่รอการผ่าตัด
5.คนที่ผ่าตัดลำไส้มาใหม่ๆ ควรรอให้แผลผ่าตัดลำไส้หายสนิทให้แน่ใจประมาณ 1 เดือน
6.คนที่ผ่าตัดลำไส้เปิดออกทางหน้าท้อง
7.คนที่ฉายแสงบริเวณอุ้งเชิงกราน ขณะนั้นลำไส้ใหญ่อาจถูกแสง
 
มีอาการอักเสบ บวม ท้องเสีย  
8.คนที่บาดแผลทางทวารหนัก
9.ผู้ป่วยโรคหัวใจ
10.ผู้ป่วยโรคความดัน ถ้าควบคุมความดันได้
 
โดยลองทีละนิดหรือใช้น้ำมะนาวก่อน เพราะมะนาวจะไม่กระตุ้นให้ความดันเพิ่มขึ้น

ข้อดีและข้อเสียของการทำ Detox

1. ทำความสะอาดลำไส้ และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย

ลดการสะสมสารพิษ และเมื่อสารพิษต่าง ๆ ถูกชะล้างออกไป

ลำไส้ก็จะทำงานได้ตามปกติ

 

2. ทำให้ร่างกายสดชื่น เมื่อร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำ 60-70 เปอร์เซ็นต์

การสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือแร่

ร่างกายจะดูดซึมน้ำเหล่านั้นไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ

ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

3. บริหารกล้ามเนื้อลำไส้ ถ้ามีของเสียตกค้างที่ลำไส้มากจะทำให้ลำไส้อ่อนแอลง

แต่เมื่อล้างลำไส้แล้วจะช่วยให้กล้ามเนื้อลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น

กำจัดของเสียได้มากขึ้น ทำให้ไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษในลำไส้

 

4.ทำให้ลำไส้มีขนาดปกติ เพราะถ้ามีของเสียอุดตันในลำไส้

จะทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติและจะทำให้รูปร่างของลำไส้เปลี่ยนแปลงไป

เช่น มีอาการบวมหรือโป่ง แต่เมื่อสวนล้างลำไส้เอาสารพิษออกไป

จะช่วยให้รูปร่างของลำไส้กลับมาเป็นปกติตามธรรมชาติ

 

5. ลดการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะหากกากอาหารเกิดการหมักหมม

และบูดเน่าในลำไส้นานๆ เพราะท้องผูก lithocholic acid

ที่อยู่ในลำไส้เมื่อสัมผัสกับลำไส้ใหญ่บริเวณที่เป็นแผล

จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารพิษที่ทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ 

 

ซื้ออุปกรณ์ทำ Detox ได้ที่ไหน

จริงๆแล้วมีขายตามร้านขายยา และ ซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปตรงโซนที่ขายพวกสมุนไพร

แต่สำหรับส้มแล้ว ถ้าใกล้บ้านสุดก็จะเป็นร้านภูมิใจไทย

อยู่ตรงข้ามเยื้องๆกับร้านอาหาร Kimju ชั้น 2 Union Mall ค่ะ 

กาแฟ ขนาด 200 กรัม ราคา 175 บาท ถุงทำดีท๊อกซ์ ราคา 75 บาท

(ตามรูปที่ทำลูกศรชี้ไว้ จะเห็นว่าหลากหลายยี่ห้อ

ส้มลองหมดแล้ว ชอบถุงทำดีทอกซ์แบบในรูปมากที่สุด)

(พอดีในรูปนี้ ร้านนี้แต่ก่อนอยู่ชั้นใต้ดิน ตอนนี้เค้าย้ายขึ้นมาชั้น 2 แล้วค่ะ)

 

 

วันนี้ส้มเองก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำ Detox

ส้มก็เลยได้มีโอกาสเขียนบล๊อคนี้ขึ้นมา

ตอนแรกก็คิดมา 2 ปีแล้วว่าจะเขียนดีมั้ย

เพราะบางคนก็ไม่เชื่อ ก็เลยลังเลๆ จนลืม แต่พอมีโอกาสตรงนี้

พอรู้ว่ามีคนสนใจ ก็เลยเอาข้อมูลและประสบการณ์ที่ทำมากว่า 7 ปีมาแบ่งปันกัน

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน และ ผู้ติดตามบล๊อคทุกคนนะคะ

 

ขอบคุณมากๆค่ะ

ถ้าหากมีอะไรสงสัย จะ ติชม หรือ แนะนำอะไรก็แวะมาคุยกันได้ที่ Facebook ส้มนะคะ

(คลิกลิงค์ตรงรูปด้านล่างได้เลยค่ะ)

 ข้อมูลอ้างอิงจาก

http://health.kapook.com/view7581.html

http://www.morkeaw.net/k-detox.html

http://www.okfirst.in.th/2013-04-05-08-49-22/109-2013-04-05-07-57-30.html

 

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Prev Post Next Post