Review : สุดยอดทรีทเม้นท์ Farouk Royal Treatment ที่มีส่วนผสมของ White Truffle และ ไข่มุก สุดเลิศหรูอลังการ
ช่วงนี้เริ่มหลงรักแบรนด์ CHI แล้วตั้งแต่ได้ใช้ CHI 44 IRON Guard
ชอบตรงที่ผลิตภัณฑ์ของยี่ห้อนี้ เลือกใช้ส่วนผสมที่คุณภาพดี
และไม่ผสมสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ล่าสุด ได้รับเกียรติจากทางซาลอนชื่อดังในห้างเกษรพลาซ่า
The Gallery Green Salon ให้ไปทดลองทำทรีทเม้นท์ตัว Top ของแบรนด์ CHI
ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับ Farouk Royal Treatment by CHI
นี้ที่แค่ได้รู้ก็อยากลองแล้ว
เพราะว่าทรีทเม้นท์ตัวนี้มีส่วนผสมของเห็ด White Truffle และ Pearl
ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้ มีราคาแพงมากๆ ถ้าใครดูรายการทำอาหารบ่อยๆ
จะเห็นว่าเชฟชื่อดังมักจะนำเอาเห็ด White Truffle มาประกอบอาหาร
และเป็นอาหารชั้นเลิศหรูอลังการจริงๆ
ซึ่งแบรนด์ CHI เค้าก็ได้เลือกทั้งเห็ด White Truffle และ Pearl หรือไข่มุก
มาเป็นส่วนผสมหลักของทรีทเม้นท์บำรุงผม ก็เพราะว่า
คือส่วนตัวส้ม บำรุงผมมาเยอะมาก ลองมาหลายยี่ห้อ
ก็ไม่เคยเจอยี่ห้อไหน ที่กล้าหยิบเอาส่วนผสมจากธรรมชาติ
ที่มีราคาแพงขนาดนี้มาเป็นส่วนผสมหลักในการทำผลิตภัณฑ์ออกมา
ตัวนี้เลยเป็นตัวนึงที่พอได้รุ้ว่าจะได้ไปทำ ส้มก็ดีใจมากๆๆๆ และอยากลองมากๆๆๆ
เมื่อวานเดินเข้าไปในร้าน ประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป
เพราะไม่รู้สึกเหมือนร้านทำผม แต่เหมือนร้านสปามากกว่า
เพราะไม่มีกลิ่นของสารเคมีเลยแม้แต่นิดเดียว
แถมยังตกแต่งร้านได้สวย หรูหรามากๆค่ะ
ทางร้านก็ใจดีมากๆ ให้ส้มเข้าไปนั่งในห้อง Private ให้ความเป็นส่วนตัวมากๆ
งั้นเรามาดูขั้นตอนการทำทรีทเม้นท์ Farouk Royal Treatment ตัวนี้กันเลยนะคะ
ขั้นตอนแรก เป็นการสระผมทำความสะอาดเส้นผมด้วยแชมพู
Pure Hydration Shampoo ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ผมแห้งเสีย หรือผมที่ผ่านการทำสีมา
สำหรับส้มพึ่งเคลือบสีผม สีดำมา ช่างเลยเลือกตัวนี้ให้ค่ะ
จริงๆจะมีแชมพูสำหรับสภาพเส้นผมที่แตกต่างกันออกไป
ขั้นตอนที่ 2 ช่างจะฉีดสเปรย์ Keratin Mist เพื่อเปิดเกล็ดผมให้ทั่วศีรษะ
จากนั้นก็จะบีบตัว Silk Infusion ลงในถ้วย แล้วนำแปรงไปจุ่ม
มาทาให้ทั่วเส้นผม จากนั้นก็ใช้หวี หวีให้ทั่วเส้นผม
จนตัว Silk Infusion ซึมเข้าเส้นผมหมดทุกเส้น
ขั้นตอนที่ 3 เก็บผมที่หมักด้วย Silk Infusion เมื่อซักครู่นี้ให้เรียบร้อย
แล้วก็นำผมไปเข้าเครื่องอบไอน้ำแบบ Infrared
เป็นระบบ Micro Mist สามารถอบแบบร้อน และแบบเย็นได้
โดยละอองไอน้ำขนาดเล็กจะเข้าไปในชั้นเกล็ดผมพร้อมกับทรีทเม้นท์
ที่เราหมักเอาไว้ และเข้าไปในเส้นผมได้รวดเร็วและเต็มประสิทธิภาพ
มากกว่าเครื่องอบไอน้ำทั่วไป
ขั้นตอนที่ 4 ทำการล้างผมด้วยโซดาสปาจากญี่ปุ่น
ข้อดีของโซดาสปาคือ จะช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น
ช่วยล้างคราบสารเคมีที่ติดค้างบนหนังศีรษะได้หมดจด
ช่วยขจัดรังแค และน้ำมันที่ติดอยู่ตามรูขุมขนบนหนังศีรษะซึ่ง
ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยแชมพูธรรมดาทั่วไป
ตอนที่เค้าล้างมันจะอุ่นๆ แต่มันจะไม่เหมือนโซดาที่ใส่เหล้านะคะ
ไม่ใช่ว่า…อ่านบล๊อคส้มแล้วจะไปซื้อโซดาซ่าๆมาราดหัว
เดี๋ยวจะระคายเรืองหนักเลยทีนี้ มันคนละตัวกันนะจ้ะ
ตอนที่ล้างด้วยโซดาสปา รู้สึกผ่อนคลายและสบายหนังศีรษะมากๆค่ะ
เหมือนเราแช่น้ำแร่เลย มันจะรู้สึกอุ่นๆ สบายมากๆ
ขั้นตอนที่ 5 ก็เป่าผมให้แห้งด้วยเครื่องเป่าผมของ CHI
ตัวส้มเองเคยอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องเป่าผมตัวนี้บ้างแล้ว
แต่ยังไม่เคยได้เห็นของจริง พอหยิบจับดู
มันเบามากๆ ทั้งๆที่ไซส์ก็พอๆกับที่ส้มใช้แต่คนละยี่ห้อกัน
แถมพอเปิดเครื่อง เสียงก็เบามากๆ ประมาณว่าปกติไดร์ผม
เราคุยกันไม่ได้ยินหรอก แต่ตัวนี้คุยกันได้สบายโดยไม่ต้องปิดเครื่อง
เสียงเบามากจริงๆค่ะ และจุดเด่นของเครื่องนี้ที่ไม่เหมือนใครคือ
LOW EMF ซึ่งย่อมาจาก Electro Magnetic Field
หรือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั่นเอง
เครื่องเป่าผมรุ่นนี้ จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นความถี่ที่อ่อนมากๆ
ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะถ้าเป็นแบบที่เราใช้กันอยู่นั้น
จะทำให้เราเสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทเช่นไมเกรน (ซึ่งส้มเป็นอยู่เลยค่ะ)
โรคปวดหัว เสี่ยงก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ หรือร้ายแรงสุด
คือเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งค่ะ
ไดร์ผมเสร็จแล้ว เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
ส้มลองเอามือลูบจับผมดู รู้สึกได้ถึง ความนิ่มของเส้นผม
ซึ่งก่อนทำส้มก็รู้สึกว่าผมเราก็นิ่มประมาณนึงแล้วนะ
แต่หลังทำ ผมนิ่มมากๆๆๆๆๆ นอกจากนิ่มแล้ว
ยังเป็นเงา เป็นประกาย และรู้สึกผมมีโวลุ่ม ไม่ลีบแบนจนเกินไป
คนที่มีปัญหาผมแห้งเสีย ไม่มีน้ำหนัก ส้มแนะนำให้ลองไปทำดูนะคะ
ส่วนราคาส้มไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ เพราะช่างบอกว่า
ต้องดูลักษณะเส้นผม และความยาวของผม
ถึงจะตีราคาได้ค่ะ ถ้าสนใจอาจจะลองไปสอบถามดูได้ที่
The Gallery Green Salon ดูนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
Sponsor: The Gallery Green Salon
ชั้นใต้ดิน ห้างเกษรพลาซ่า